TLD-003-5397
อุทัย (ชื่อตัวละคร)
อุทัย หรืออุทัยเทวี*เป็นตัวละครในกลอนสวดเรื่องนางอุทัย มารดาเป็นธิดานาค บิดาเป็นรุกขเทวา เป็นชายาของกายสุทธกุมาร*
นางสมุทมาลา*ธิดาท้าวนาคา*เจ้าเมืองบาดาล*ขออนุญาตพระบิดาขึ้นมาเที่ยวแดนมนุษย์ ได้พบรักกับรุกขเทวาจนตั้งครรภ์ นางเกรงว่าจะได้รับโทษหากพระบิดาล่วงรู้ความ จึงสำรอกบุตรในครรภ์ออกมาเป็นไข่ ซ่อนไว้ริมฝั่งน้ำพร้อมผ้ารัตกัมพลและแหวนวิเศษซึ่งมีอานุภาพเนรมิตสิ่งต่าง ๆ ได้ แล้วกลับเมืองบาดาล
คางคกตัวหนึ่งกลืนไข่และของทั้งสองสิ่งเข้าไป พิษนาคทำให้คางคกตายกลายเป็นคราบห่อหุ้มไข่ไว้ กุมารีได้ถือกำเนิดและอาศัยอยู่ในคราบคางคก วันหนึ่งกุลโกฐาส*และกาวัน*สองตายายซึ่งมีอาชีพหาปลา ได้พบคางคกขณะกำลังสุ่มปลาจึงนำไปเลี้ยง กุมารีก็ออกมาเนรมิตข้าวปลาอาหารไว้ให้ด้วยความกตัญญู เมื่อกุมารีเติบโตขึ้นเป็นสาวรุ่นมีรูปโฉมงดงาม วันหนึ่งเป็นวันอุโบสถ นางขอให้ตายายพานางไปวัดด้วย ทั้งสองจึงขอให้นางออกจากคราบคางคก เวลานั้นเป็นตอนเช้าวันอาทิตย์ นางจึงได้ชื่อว่าอุทัย หรืออุทัยเทวี นางเนรมิตหญิงงามจำนวนมากเป็นข้ารับใช้ แล้วพากันเดินทางไปฟังเทศน์ที่วัด
กายสุทธกุมารโอรสท้าวการบ*กับนางกาวิน*ได้พบนางอุทัยที่วัดก็หลงรักนาง จึงให้ทหารติดตามไปล้อมเรือนของตายายไว้ นางอุทัยหลบเข้าไปซ่อนในร่างคางคก และสอนให้ตายายบอกทหารว่าหากเจ้านายประสงค์ได้นางอุทัยเป็นชายา ให้แต่งสะพานทอง มีห้องประดับด้วยทอง 150 ห้อง จากเมืองมาถึงเรือนของนาง ท้าวการบโกรธมากคิดจะฆ่าสองตายาย แต่นางกาวินทัดทานไว้ แล้วขอให้ตายายสร้างปราสาททองไว้รอรับสะพานทอง หากไม่สำเร็จจะลงอาญาถึงชีวิต คืนนั้นนางอุทัยเนรมิตปราสาททองขึ้น และพระอินทร์เนรมิตสะพานทองให้ตามคำอธิษฐานของกายสุทธกุมาร แล้วทั้งสองได้เข้าพิธีอภิเษกและครองรักกันอย่างมีความสุข
ต่อมาเมื่อกายสุทธกุมารต้องไปอภิเษกกับนางฉันนา*ที่เมืองอุโลมนคร*ก็ได้ให้ช่างหล่อรูปนางอุทัยด้วยทองคำนำใส่หีบไปเชยชมต่างหน้าด้วย นางฉันนาริษยาจึงให้คนมาลักรูปหล่อนางอุทัยไปทิ้งน้ำ แล้วลวงนางอุทัยไปยังอุโลมนคร ทำร้ายนางจนถึงแก่ความตาย แล้วให้นำร่างไปทิ้งในแม่น้ำ เมื่อร่างจมลงในน้ำนางอุทัยก็กลับฟื้นคืนชีพเพราะเป็นธิดานางนาค นางนั่งร้องไห้อยู่ริมฝั่งน้ำ แม่เฒ่าขายผักพายเรือผ่านมาพบเข้าจึงรับนางไปอุปการะ เมื่อนางอุทัยหายจากอาการบาดเจ็บแล้วได้ช่วยพายเรือขายผัก นางอุทัยผูกใจเจ็บต้องการแก้แค้นนางฉันนา จึงแปลงกายเป็นหญิงชราซึ่งมีเส้นผมดำขลับ แล้วพายเรือขายผักไปจนถึงหน้าวัง หญิงชราลวงนางฉันนาซึ่งมีผมหงอกว่าตนมีวิชาปลูกผมหงอกให้กลับดำได้ แต่ต้องทำพิธีในที่รโหฐานไม่ให้ผู้อื่นรู้ ทั้งต้องทนเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นางเรียกค่าทำพิธีสูงถึง 105 ตำลึงทอง นางฉันนาก็ยินยอมตามนั้น
เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย นางอุทัยซึ่งแปลงเป็นหญิงชราให้กั้นม่านอย่างมิดชิด โกนหัวนางฉันนา เอาปลายมีดสับทั่วร่าง หมักด้วยปลาร้าเน่า แล้วนำหม้อแกงมาครอบหัวไว้ เมื่อนางแก้แค้นแล้วก็จากไปพร้อมเงินรางวัล นางฉันนาทุกข์ทรมานอยู่ไม่กี่วันก็ถึงแก่ความตาย กายสุทธกุมารแกล้งทำเป็นโศกเศร้า ผนวชเป็นพระภิกษุอุทิศส่วนกุศลให้นางฉันนาและจำพรรษาอยู่ที่วัดในอุโลมนคร นางอุทัยแกล้งพายเรือร้องขายแป้งหอมผ่านไปหน้าวัด กายสุทธกุมารจำเสียงนางได้จึงให้คนไปนำตัวนางมา ทั้งสองได้พบกัน กายสุทธกุมารลาผนวชแล้วพานางเดินทางกลับบ้านเมือง
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory