TLD-003-5468
อุสสินนรราช, พระเจ้า (ชื่อตัวละคร)
มหากัณหชาดก ปัญญาสชาดก
พระเจ้าอุสสินนรราชเป็นตัวละครในเรื่องมหากัณหชาดก ทวาทสกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในสมัยพระพุทธกัสสปะ พระเจ้าอุสสินนรราชครองราชย์ในกรุงพาราณสี พระพุทธกัสสปได้ทรงเทศนาอริยสัจ 4 แก่มหาชน แล้วเสด็จปรินิพพาน ต่อมาพระศาสนาของพระพุทธกัสสปเสื่อมลง เพราะบรรดาภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาพากันละทิ้งธรรม ผู้คนจำนวนมากประพฤติแต่อกุศลกรรมบถ เมื่อสิ้นชีวิตก็ไปเกิดในอบาย
ฝ่ายท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) เมื่อไม่เห็นมีเทวบุตรใหม่มาเกิดในสวรรค์ก็ส่องทิพยเนตรลงมาในโลกมนุษย์ รู้ว่าศาสนาเสื่อมถอยลง จึงทรงดำริที่จะฟื้นฟู ทรงคิดอุบายที่จะให้มนุษย์หวาดกลัวเสียก่อนแล้วจึงจะทรงสั่งสอนธรรมภายหลัง ท้าวสักกเทวราชมีรับสั่งให้พระมาตุลีเทพบุตรเนรมิตกายเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่เท่าม้า มีรูปร่างพิลึกน่ากลัว มีเขี้ยวทั้งสี่โตเท่าผลกล้วย มีรัศมีอันร้อนแรงเป็นไฟพลุ่งออกจากปาก ส่วนพระองค์เองทรงเนรมิตกายเป็นพรานป่าถือเชือกที่ผูกสุนัขดำเสด็จลงมา ณ ที่ใกล้กับพระนครหนึ่งโยชน์ เปล่งเสียงดังกึกก้องให้คนทั่วไปได้ยิน 3 ครั้งว่าโลกจะวินาศ คนที่ได้ยินก็สะดุ้งตกใจหนีเข้าไปในพระนคร ทูลพระเจ้าอุสสินนรราช พระองค์จึงมีรับสั่งให้ปิดประตูพระนคร พรานแปลงมาถึงเห็นประตูปิดก็กระโดดข้ามกำแพงไปภายในพระนครพร้อมกับสุนัข มหาชนเห็นสุนัขดำใหญ่ก็ตกใจกลัวรีบหนีกลับเข้าบ้าน ฝ่ายสุนัขก็วิ่งไล่มาจนถึงวังหลวง บรรดาผู้คนที่อยู่หน้าพระลานพากันหนีเข้าวังแล้วปิดประตู ส่วนพระเจ้าอุสสินนรราชก็พานางสนมทั้งหลายขึ้นไปอยู่ชั้นบนของปราสาท สุนัขก็ยกขาหน้าเกาะพระแกลเห่าเสียงดังลงไปจนถึงนรกอเวจี และดังขึ้นไปจนถึงภวัคพรหม มหาชนได้ยินก็สะดุ้งตกใจกลัวทั่วพระนคร
พระเจ้าอุสสินนรราชซึ่งแอบอยู่ที่พระแกลตรัสถามพรานแปลงว่าสุนัขเห่าทำไม พรานแปลงทูลว่าเพราะสุนัขหิว พระเจ้าอุสสินนรราชจึงให้มหาชนนำอาหารชาววังและภัตตาหารที่เป็นเครื่องเสวยมาให้สุนัขกิน สุนัขกินคำเดียวก็หมดแล้วเห่าขึ้น พระองค์จึงมีรับสั่งให้เอาอาหารของสัตว์และอาหารของชาวเมืองทั้งหมดมาให้ สุนัขก็กินคำเดียวหมดแล้วเห่าขึ้นอีก ลักษณะการกินที่แปลกประหลาดทำให้พระเจ้าอุสสินนรราชทรงสงสัยว่าสุนัขดำใหญ่เป็นยักษ์ จึงตรัสกับพรานแปลงว่าสุนัขน่ากลัวมากขอให้ปล่อยไป พรานแปลงจึงทูลว่าสุนัขไม่ได้อยากกินเนื้อสัตว์แต่ที่มาก็เพื่อจะกินเนื้อมนุษย์ เมื่อใดที่มนุษย์พินาศเมื่อนั้นสุนัขก็จะหลุดจากมือตน พระเจ้าอุสสินนรราชตรัสถามว่าจะกินเนื้อมนุษย์ทั่วไปหรือ หรือจะกินเนื้อมนุษย์ที่เป็นศัตรูกับพรานแปลง พรานแปลงทูลตอบว่าจะกินเนื้อมนุษย์ที่ไม่เป็นมิตรกับตน พระเจ้าอุสสินนรราชจึงทรงขอให้พรานแปลงบอกว่าคนที่ไม่ใช่มิตรของพรานแปลงคือใคร พรานแปลงก็ทูลว่า คนที่ไม่ใช่มิตรของตน เช่น สมณะทุศีล หญิงทุศีล คนอกตัญญูที่ไม่เลี้ยงดูบิดามารดา คนที่ดูหมิ่นบิดามารดา คนที่เป็นชู้กับภรรยาเพื่อน คนที่เอาญาติผู้ใหญ่มาเป็นภรรยา เป็นต้น เมื่อพรานแปลงกล่าวจบ สุนัขก็ทำท่าราวกับจะวิ่งไปกัดมหาชน พรานแปลงก็รั้งเชือกสุนัขไว้ แล้วกลายร่างเป็นท้าวสักกเทวราชขึ้นไปประดิษฐานอยู่บนอากาศ ตรัสกับพระเจ้าอุสสินนรราชว่าโลกจะพินาศเพราะมนุษย์มัวเมาในทรัพย์สิน ไม่ประพฤติตนให้อยู่ในธรรม ตายไปจึงตกนรกอเวจี ไม่ได้ไปเกิดบนสวรรค์ ต่อจากนี้ไปถ้าผู้ใดไม่ประพฤติธรรมพระองค์รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับผู้นั้น ท้าวสักกเทวราชขอให้พระเจ้าอุสสินนรราชทรงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ให้เอาพระทัยใส่ราษฎร จากนั้นท้าวสักกเทวราชทรงแสดงธรรมแก่มหาชนให้ตั้งอยู่ในทานและศีลเพื่อให้ศาสนาอยู่ยืนยงเป็นพันปี แล้วก็เสด็จกลับทิพยวิมาน
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory