TLD-003-0884
จันทคาธ (ชื่อตัวละคร)
จันทคาธชาดก ปัญญาสชาดก
จันทคาธเป็นตัวละครในเรื่องจันทคาธชาดก ในปัญญาสชาดก เป็นพระโพธิสัตว์
จันทคาธเกิดในตระกูลเข็ญใจในบ้านนัมพะ นอกเมืองจัมปากะ*ด้วยเหตุที่เกิดในวันที่ราหูจับพระจันทร์จึงได้ชื่อว่าจันทคาธ มีกำลังมากกว่าเด็กทั่วไป เมื่ออายุได้ 2 ขวบก็สามารถหักกระดูกวัว และท่อนเหล็กได้ เมื่ออายุได้ 5 ขวบถูกบิดามารดาไล่ออกจากบ้านพร้อมสุริยคาธ*ผู้เป็นพี่ชายเพราะกินปูที่พี่ชายหามาได้ทั้งหมดทั้งๆ ที่คนอื่นในครอบครัวอดอยาก
จันทคาธติดตามพี่ชายเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ แต่ด้วยบุญญาธิการของจันทคาธที่เป็นพระโพธิสัตว์จึงทำให้พิภพพระอินทร์ร้อน พระอินทร์แปลงกายมาพร้อมพระวิษณุกรรมเป็นงูและพังพอนกัดกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งตายอีกฝ่ายหนึ่งจะพ่นยาใส่ปากจนฟื้น สุริยคาธได้ใช้ยานั้นรักษาสัตว์ ยักษ์ มนุษย์ และเมื่อได้ใช้ยารักษานางสุชาตดึงสา*ธิดาของพระเจ้าธรรมสุตะ*แห่งเมืองกาสี* สุริยคาธจึงได้อภิเษกกับนางสุชาติดึงสา
ต่อมาเมื่อพระเจ้าธรรมสุตะสิ้นพระชนม์ สุริยคาธจึงได้ครองเมืองกาสีแทน ฝ่ายจันทคาธเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผิวพรรณเป็นสีทอง แต่แม้จะอยู่ในฐานะของบุตรอุกัษฐเศรษฐีผู้ที่ช่วยพาสุริยคาธเข้าไปรักษานางสุชาตดึงสา แต่จันทคาธก็เจียมตนเสมอว่าเกิดในตระกูลทุคคตะเข็ญใจ จึงมักชอบสวมเสื้อผ้าธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไป หากด้วยท่วงท่าลักษณะที่สง่างามของจันทคาธก็ทำให้ชวนมอง อีกทั้งจันทคาธยังเป็นคนมีน้ำใจ และมีอารมณ์ร่าเริง ผู้ที่พบเห็นจันทคาธจึงเอ็นดูและนึกรักจันทคาธทุกคน
จันทคาธได้มีโอกาสใช้ยาวิเศษรักษาชีวิตคนหลายครั้ง และทำให้ได้รับสิ่งตอบแทนดีๆ กลับมาโดยที่จันทคาธไม่ได้คาดหวัง เริ่มตั้งแต่ได้ช่วยรักษาบุตรของพ่อค้าโคษฐะ*ที่ถูกเสือกัดตายให้ฟื้นคืนชีวิต เมื่อพ่อค้าโคษฐะเดินทางไปค้าขายที่เมืองอินทปัตถ์* เป็นช่วงเดียวกับพระธิดาเทวธิสังกา*ถูกด้ามมีดที่ทำจากเขี้ยวเสือทิ่มหลังเท้าจนกำเริบเป็นแผลใหญ่ ไม่มีหมอใดรักษาหาย จนเสียชีวิตในที่สุด
พ่อค้าโคษฐะจึงทูลพระเจ้าพรหมจักรพรรดิ*ให้ทรงทราบเรื่องจันทคาธมียาวิเศษ พระเจ้าพรหมจักรพรรดิจึงให้พ่อค้าโคษฐะไปพาจันทคาธมารักษานางเทวธิสังกาจนฟื้นคืนชีวิต
พระเจ้าพรหมจักรพรรดิจึงยกนางเทวธิสังกาให้จันทคาธ แม้จันทคาธจะปฏิเสธว่าตนไม่คู่ควร แต่นางเทวธิกายืนยันว่าจันทคาธเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่นางจึงสมควรเป็นสามีของนาง พระเจ้าพรหมจักรพรรดิจึงจัดการอภิเษกให้คนทั้งสอง จันทคาธอยู่ที่เมืองอินทปัตถ์อย่างมีความสุข แต่ก็ระลึกถึงบิดามารดาและพี่จึงประสงค์จะกลับไปเยี่ยม นางเทวธิสังกาขอตามไปด้วย เมื่อทั้งสองลงเรือสำเภามาได้ 7 วัน เรือเกิดอับปาง จันทคาธกับนางเทวธิสังกาจับกระดานไม้แผ่นหนึ่งได้ แต่คลื่นซัดจนทำให้ต้องพลัดจากกัน จันทคาธว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้ เที่ยวตามหานางเทวธิสังกาจนเข้าไปในป่าทางทิศเหนือของเมืองปาตลีบุตร* ได้มีโอกาสช่วยชีวิตนาคตัวหนึ่ง นาคจึงให้แก้ววิเศษที่เมื่ออมแล้วจะเห็นทุกสิ่งใน 3 โลก คือนาคพิภพ โลกมนุษย์ และสวรรค์
ต่อมาจันทคาธได้ช่วยวิทยาธรตนหนึ่งที่บาดเจ็บเพราะถูกวิทยาธรอีกตนหนึ่งทำร้าย แต่ยานั้นไม่อาจทำให้วิทยาธรหายเจ็บปวด ก่อนเสียชีวิตวิทยาธรจึงได้มอบพระขรรค์แก้วกับเกือกแก้วให้ โดยพระขรรค์แก้วมีคุณวิเศษคือเมื่อจุ่มลงในน้ำและน้ำผึ้งแล้วดื่มจะมีกำลังดังช้างสาร สามารถตัดหิน เหล็ก ภูเขาได้ และเมื่อแกว่งพระขรรค์ เหล่าปีศาจ ยักษ์ นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ และเทวดาที่คิดทำอันตรายก็จะหนีพ่ายไป หากสวมเกือกแก้วก็จะเดินบนน้ำและเหาะได้แต่ถ้าใช้ของสองสิ่งนี้ห้ามยุ่งเกี่ยวกับหญิงใดเพราะกำลังจะด้อยลง เมื่อจันทคาธรับของวิเศษจากวิทยาธรแล้วได้เดินทางต่อไปจนได้พบธิดาเศรษฐี 3 ตระกูลจากเมืองกัสสนคร* ได้แก่นางทิพโสดา* นางประทุมบุปผา* และนางสุคันธเกศี*ที่ถูกกระแสน้ำพัดมาขณะเล่นน้ำ นางทั้งสามเห็นท่วงท่าลักษณะของจันทคาธสง่างามเป็นที่พึ่งพิงได้จึงขอติดตามจันทคาธไป จันทคาธหยอกล้อนางทั้งสามอย่างร่าเริงสนุกสนานแต่ไม่เคยล่วงเกินนางทั้งสามเพราะเกรงว่าของวิเศษจะเสื่อมฤทธิ์และถือว่าบิดามารดาของพวกนางยังไม่ได้ยกให้จึงตั้งใจพานางกลับบ้าน
ระหว่างทางจันทคาธต้องพบอุปสรรคต่างๆ แต่ก็เอาชนะได้ด้วยของวิเศษที่มี จันทคาธพานางทั้งสามเหาะมาจนมาถึงยอดเขาแห่งหนึ่งที่มีอ่างน้ำทิพย์มีข้อความจารึกไว้ว่าผู้ที่เกิดในตระกูลกษัตริย์ พราหมณ์ อำมาตย์ และเศรษฐีประสงค์จะมีรูปงามให้อาบในอ่างน้ำทิพย์นี้ จันทคาธจึงให้นางทั้งสามได้อาบน้ำทิพย์ ส่วนตนเองเป็นคนในตระกูลเข็ญใจจึงไม่ยอมอาบน้ำนั้น เมื่อจันทคาธพานางทั้งสามส่งถึงเรือน บิดามารดาจึงยกนางทั้งสามให้เป็นภรรยา จันทคาธฝากนางทั้งสามไว้กับบิดามารดาเพราะต้องการไปตามหานางเทวธิสังกา ระหว่างทางได้พบนางพรหมจารี*ที่ถูกสุทัสสนจักรกุมาร*ผู้สามีลอยแพ จันทคาธใช้แก้ววิเศษตรวจดูจึงรู้ว่าเหตุมาจากสุทัสสนจักรกุมารได้เห็นนางเทวธิสังกาแล้วมีใจปฏิพัทธ์จึงละทิ้งนางพรหมจารี จันทคาธได้ช่วยพานางพรหมจารีไปส่งที่เมืองปัญจาลนครเพื่อพบกับนางสุริโยธา*ที่นางพรหมจารีนับถือเป็นมารดา เมื่อนางพรหมจารีได้ร่ำเรียนวิชาจากนางสุริโยธาสำเร็จ จันทคาธได้พานางไปส่งที่เมืองอนุราธธานี* พระเจ้าธรรมขันตี*ได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดก็ยินดียกนางพรหมจารีให้แก่จันทคาธแต่จันทคาธปฏิเสธเพราะตนไม่คู่ควรกับธิดากษัตริย์แต่พระเจ้าธรรมขันตีชื่นชมจันทคาธจึงไม่สนพระทัยกำเนิดของจันทคาธ ยืนยันยกนางพรหมจารีให้พร้อมมอบธนูปฐวีกัปปเภท*และศรปฐวีวิชัย*ที่ยิงคราวเดียวทำให้ข้าศึกตายแสนโกฏิ แม้จันทคาธจะได้ครองคู่กับนางพรหมจารีที่รูปงามยิ่งแต่จันทคาธยังคงคิดถึงนางเทวธิสังกาไม่เสื่อมคลาย ดังนั้นเมื่อจันทคาธได้ช่วยนางพรหมจารีรบกับข้าศึกที่ประชิดเมืองอนุราธธานีจนแตกพ่ายแล้ว จันทคาธจึงใช้แก้ววิเศษตรวจดูจนรู้ว่านางเทวธิสังกาบวชชีอยู่ที่อนูปมานครจึงตามไปที่นั่นจนได้พบนางเทวธิสังกาซึ่งนางก็ได้สึกจากชีมาครองคู่กับจันทคาธดังเดิม
ฝ่ายนางพรหมจารีและพระเจ้าธรรมขันตีได้ยกทัพมายังอนูปมานครเพื่อแก้แค้นสุทัสสนจักรกุมาร จันทคาธใช้ของวิเศษต่างๆ ช่วยทำศึกจนได้ชัยชนะ สุทัสสนจักรกุมารถูกทรมานจนตาย จันทคาธจึงได้ครองอนูปมานครแทนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับขบวนของนางอุตตมธานี*ธิดาของพระเจ้าพุทธโฆษ*แห่งแคว้นคันธารรัฐ* ที่สุทัสสนจักรกุมารได้ส่งราชทูตไปสู่ขอได้มาถึงอนูปมานคร นางเทวธิสังกาและนางพรหมจารีเห็นนางอุตตมธานีมีรูปและกิริยางามจึงยกนางเป็นมเหสีของจันทคาธ ต่อมานางอุตตมธานีได้ให้กำเนิดโอรสที่รูปงามและมีฤทธิ์ยิ่ง ทั้งมีตาทิพย์ และเหาะเหินเดินอากาศได้ จันทคาธได้ตั้งชื่อโอรสว่าทุคคตะขัตติยวงศ์*เพื่อบอกที่มาของวงศ์ทั้งฝ่ายบิดาและมารดา พระเจ้าจันทคาธปกครองเมืองอินทปัตถ์ด้วยทศพิธราชธรรมสืบต่อจากพระเจ้าพรหมจักรพรรดิพระบิดาของนางเทวธิสังกาที่สิ้นพระชนม์ไปและเหาะไปเยี่ยมนางทิพโสดา นางประทุมบุปผา และนางสุคันธเกศีที่เมืองกัสสนครบ้าง เหาะไปเยี่ยมนางพรหมจารีที่เมืองอนุราธธานีบ้าง และเหาะไปเยี่ยมนางอุตตมธานีที่อนูปมานครบ้าง เหตุที่พระเจ้าจันทคาธมีมเหสี 6 คนและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเพราะเมื่ออดีตชาติเคยเกิดเป็นพลบัณฑิต*และมเหสีทั้งหกได้ร่วมทำบุญกุศล บูรณะพระพุทธรูปร่วมกัน พระเจ้าจันทคาธแม้จะเกิดในตระกูลเข็ญใจเพราะชาติหนึ่งเคยปฏิเสธการกราบไหว้บรรพชิต แต่อานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูปในชาติที่เป็นพลบัณฑิตจึงทำให้ได้เป็นพระราชาที่มีเดชานุภาพแผ่ไพศาล
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory