โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. กัณหทีปายนะ

กัณหทีปายนะ

  • กัณหทีปายนะ
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-0147
ชื่อ
กัณหทีปายนะ ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
กัณหทีปายนชาดก  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง
กัณหทีปายนะเป็นตัวละครในเรื่องกัณหทีปายนชาดก  ทสกนิบาต  ในนิบาตชาดก  เป็นพระโพธิสัตว์  มีสหาย 2 คนซึ่งมีชื่อเหมือนกันคือมัณฑพยะ*  
ในสมัยพระเจ้าโกสัมพิกะ*แห่งนครโกสัมพีในแคว้นวังสกะ  มีพราหมณ์ 2 คนเป็นสหายกันชื่อทีปายนะ*และมัณฑพยะ  ทั้งสองมีฐานะมั่งคั่ง  แต่เมื่อได้เห็นโทษของกามคุณ  ก็บริจาคทรัพย์ให้เป็นทานแล้วออกบวชในป่าหิมพานต์   50 ปีต่อมาดาบสทั้งสองก็ยังไม่สามารถทำให้ฌานเกิดขึ้นได้  จึงออกเที่ยวไปตามชนบทน้อยใหญ่จนถึงแคว้นกาสี  ได้ไปเยี่ยมสหายคฤหัสถ์ที่ชื่อมัณฑพยะ  นายมัณฑพยะสร้างบรรณศาลาให้อยู่และปรนนิบัติเป็นอย่างดี  ดาบสทั้งสองพักอยู่กับนายมัณฑพยะได้ 4 พรรษาก็บอกลาเที่ยวจาริกไปจนถึงเมืองพาราณสี  ไปอยู่ในป่าช้าแห่งหนึ่ง  ต่อมาทีปายนดาบสได้กลับไปอยู่บรรณศาลาที่นายมัณฑพยะสร้างไว้ให้  ส่วนมัณฑพยดาบสนั้นคงอยู่ที่ป่าช้าตามลำพัง
คืนวันหนึ่งมีโจรไปลักขโมยทรัพย์บ้านหลังหนึ่ง  เจ้าของบ้านตื่นมาเห็นเข้าก็วิ่งไล่  โจรหนีเข้าไปในป่าช้า  ทิ้งทรัพย์ไว้ที่หน้าประตูบรรณศาลาของมัณฑพยดาบส  เจ้าของทรัพย์คิดว่ามัณฑพยดาบสเป็นโจร  จึงจับตัวไปถวายพระเจ้าโกสัมพิกะ  พระองค์ไม่ทันได้ทรงพินิจพิจารณาให้ถ่องแท้ก็มีรับสั่งให้ราชบุรุษนำตัวดาบสไปเสียบหลาว  ราชบุรุษจะใช้หลาวชนิดใดเสียบก็ไม่สามารถเสียบเข้าได้  มัณฑพยดาบสใคร่ครวญถึงเรื่องกรรมเวรก็ระลึกชาติได้ว่าที่ต้องเป็นเช่นนี้เพราะชาติก่อนตนเอาหนามไม้ทองหลางเสียบก้นแมลงวันติดคาอยู่แต่ไม่ตาย  บาปจึงตามสนองในชาตินี้  เมื่อเห็นว่าไม่อาจพ้นบาปไปได้จึงบอกราชบุรุษว่าให้เอาหลาวไม้ทองหลางมาเสียบตน  ราชบุรุษทำตามก็เสียบเข้า  แล้วให้คนซุ่มเฝ้าดูผู้ที่มาหาดาบส
ฝ่ายทีปายนดาบสคิดถึงเพื่อนดาบสที่ป่าช้าก็เดินทางไปหา  เมื่อรู้ว่ามัณฑพยดาบสถูกหลาวเสียบทั้งเป็นทั้งๆ ที่มิได้ทำอะไรผิด  ทีปายนดาบสก็เข้าไปนั่งพิงหลาว  หยาดเลือดที่ไหลจากร่างของมัณฑพยดาบสก็หยดลงถูกร่างทีปายนดาบสแห้งดำไปทั้งตัว  ตั้งแต่นั้นมาจึงได้ชื่อว่ากัณหทีปายนะ แปลว่าทีปายนะดำ  รุ่งขึ้นราชบุรุษมาเห็นก็ไปทูลพระเจ้าโกสัมพิกะ  พระเจ้าโกสัมพิกะเสด็จมาถามกัณหทีปายนดาบสว่าทำไมมานั่งพิงหลาวอยู่  เมื่อทรงรู้เรื่องว่ามัณฑพยดาบสเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ให้ถอนหลาวออก  แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถถอนหลาวออกจากร่างมัณฑพยดาบสได้  มัณฑพยดาบสจึงทูลว่าถ้าจะไว้ชีวิตตนก็ให้เอาเลื่อยมาตัดหลาวให้เสมอกับหนัง  ตั้งแต่นั้นมาจึงได้ชื่อว่าอาณิมัณฑพยะ*แปลว่ามัณฑพยะลิ่ม  เพราะมีหลาวเป็นลิ่มติดอยู่ภายในกาย  ส่วนการที่อาณิมัณฑพยดาบสไม่ตายเพราะชาติก่อนไม่ได้ทำให้แมลงวันต้องตาย  หลังจากที่กัณหทีปายนดาบสอยู่รักษาแผลของมัณฑพยดาบสจนหายดีแล้วก็เดินทางกลับบรรณศาลา
ต่อมายัญญทัตกุมาร*บุตรของนายมัณฑพยะถูกงูพิษกัดสลบ  นายมัณฑพยะขอให้กัณหทีปายนดาบสช่วยรักษา  แต่กัณหทีปายนดาบสบอกว่าตนเป็นนักบวชไม่มีความรู้ด้านเวชกรรม  นายมัณฑพยะจึงขอให้ดาบสทำสัตยาธิษฐานให้บุตรของตนหายจากพิษงู  กัณหทีปายนดาบสวางมือลงบนศีรษะของยัญญทัตกุมารแล้วกล่าววาจาสัตย์ว่าที่จริงแล้วตนมีจิตเลื่อมใสในเพศบรรพชิตเพียง 7 วันแรกเท่านั้น  แต่หลังจากนั้นตนต้องฝืนใจบวชมาถึง 50 ปี เมื่อกล่าวจบพิษในศีรษะของกุมารก็หายไป  ลืมตาเรียกแม่ได้แต่ยังลุกขึ้นไม่ได้  จากนั้นกัณหทีปายนดาบสก็ให้นายมัณฑพยะทำสัจกิริยาเสริมพลัง  นายมัณฑพยะวางมือที่อกของบุตรแล้วกล่าวว่าทุกครั้งที่มีอาคันตุกะมาที่บ้าน  ตนก็ต้อนรับเลี้ยงดูให้ที่พักอย่างดีทั้ง ๆ ที่ไม่พอใจจะทำเช่นนั้นเลย  แต่ตนต้องไม่แสดงความไม่พอใจออกมาให้ใครเห็นหรือรู้ได้  เมื่อนายมัณฑพยะกล่าวจบ  พิษที่อยู่เหนือสะเอวบุตรก็หายไป  ยัญญทัตกุมารลุกขึ้นนั่งได้แต่ยังยืนไม่ได้  จากนั้นสามีก็บอกภรรยาให้ทำสัจกิริยาบ้าง  นางกล่าวว่างูพิษที่กัดบุตรนั้นไม่เป็นที่รักของตนเหมือนที่สามีไม่เป็นที่รักของตนเลย  เมื่อกล่าวจบพิษในกายบุตรก็หายสิ้น  ยัญญทัตกุมารสามารถลุกขึ้นได้และอยากจะเล่น  นายมัณฑพยะถามกัณหทีปายนดาบสว่าเหตุใดจึงต้องฝืนใจบวช  เหตุใดจึงไม่สึกออกมาครองเรือน  ดาบสตอบว่าเพราะเกรงว่าจะถูกคนติเตียนว่าเป็นคนเหลวไหลกลับกลอก  แล้วกัณหทีปายนดาบสก็ถามนายมัณฑพยะว่าเหตุใดจึงต้องฝืนใจต้อนรับพวกอาคันตุกะ  นายมัณฑพยะตอบว่าตนทำตามที่ตระกูลเคยปฏิบัติกันมา  ถ้าไม่ทำก็เกรงคนจะติเตียน  แล้วนายมัณฑพยะก็ถามภรรยาว่าเหตุใดจึงทนอยู่กับตนทั้งๆ ที่ไม่รัก  นางตอบว่านางต้องประพฤติตามจารีตของตระกูลเพราะเกรงจะถูกคนติเตียน    แล้วนางก็ขอโทษสามีขอให้ลืมสัจวาจาที่ตนต้องจำใจพูดเพราะต้องการจะให้บุตรหายจากพิษงู  สามีก็ยกโทษให้  
กัณหทีปายนดาบสได้ขอให้นายมัณฑพยะทำทานด้วยความศรัทธา    นายมัณฑพยะก็ขอให้ดาบสประพฤติพรหมจรรย์ด้วยความเลื่อมใสอย่างแท้จริง  แล้วสองสามีภรรยาก็ลาจากไป  ตั้งแต่นั้นมาภรรยาก็รักนายมัณฑพยะ นายมัณฑพยะก็ศรัทธาในการให้ทาน  ฝ่ายกัณหทีปายนดาบสบำเพ็ญฌานจนได้อภิญญาและสมาบัติ  เมื่อสิ้นชีวิตได้ไปเกิดในพรหมโลกกัณหทีปายนะเป็นตัวละครในเรื่องกัณหทีปายนชาดก  ทสกนิบาต  ในนิบาตชาดก  เป็นพระโพธิสัตว์  มีสหาย 2 คนซึ่งมีชื่อเหมือนกันคือมัณฑพยะ*  
ในสมัยพระเจ้าโกสัมพิกะ*แห่งนครโกสัมพีในแคว้นวังสกะ  มีพราหมณ์ 2 คนเป็นสหายกันชื่อทีปายนะ*และมัณฑพยะ  ทั้งสองมีฐานะมั่งคั่ง  แต่เมื่อได้เห็นโทษของกามคุณ  ก็บริจาคทรัพย์ให้เป็นทานแล้วออกบวชในป่าหิมพานต์   50 ปีต่อมาดาบสทั้งสองก็ยังไม่สามารถทำให้ฌานเกิดขึ้นได้  จึงออกเที่ยวไปตามชนบทน้อยใหญ่จนถึงแคว้นกาสี  ได้ไปเยี่ยมสหายคฤหัสถ์ที่ชื่อมัณฑพยะ  นายมัณฑพยะสร้างบรรณศาลาให้อยู่และปรนนิบัติเป็นอย่างดี  ดาบสทั้งสองพักอยู่กับนายมัณฑพยะได้ 4 พรรษาก็บอกลาเที่ยวจาริกไปจนถึงเมืองพาราณสี  ไปอยู่ในป่าช้าแห่งหนึ่ง  ต่อมาทีปายนดาบสได้กลับไปอยู่บรรณศาลาที่นายมัณฑพยะสร้างไว้ให้  ส่วนมัณฑพยดาบสนั้นคงอยู่ที่ป่าช้าตามลำพัง
คืนวันหนึ่งมีโจรไปลักขโมยทรัพย์บ้านหลังหนึ่ง  เจ้าของบ้านตื่นมาเห็นเข้าก็วิ่งไล่  โจรหนีเข้าไปในป่าช้า  ทิ้งทรัพย์ไว้ที่หน้าประตูบรรณศาลาของมัณฑพยดาบส  เจ้าของทรัพย์คิดว่ามัณฑพยดาบสเป็นโจร  จึงจับตัวไปถวายพระเจ้าโกสัมพิกะ  พระองค์ไม่ทันได้ทรงพินิจพิจารณาให้ถ่องแท้ก็มีรับสั่งให้ราชบุรุษนำตัวดาบสไปเสียบหลาว  ราชบุรุษจะใช้หลาวชนิดใดเสียบก็ไม่สามารถเสียบเข้าได้  มัณฑพยดาบสใคร่ครวญถึงเรื่องกรรมเวรก็ระลึกชาติได้ว่าที่ต้องเป็นเช่นนี้เพราะชาติก่อนตนเอาหนามไม้ทองหลางเสียบก้นแมลงวันติดคาอยู่แต่ไม่ตาย  บาปจึงตามสนองในชาตินี้  เมื่อเห็นว่าไม่อาจพ้นบาปไปได้จึงบอกราชบุรุษว่าให้เอาหลาวไม้ทองหลางมาเสียบตน  ราชบุรุษทำตามก็เสียบเข้า  แล้วให้คนซุ่มเฝ้าดูผู้ที่มาหาดาบส
ฝ่ายทีปายนดาบสคิดถึงเพื่อนดาบสที่ป่าช้าก็เดินทางไปหา  เมื่อรู้ว่ามัณฑพยดาบสถูกหลาวเสียบทั้งเป็นทั้งๆ ที่มิได้ทำอะไรผิด  ทีปายนดาบสก็เข้าไปนั่งพิงหลาว  หยาดเลือดที่ไหลจากร่างของมัณฑพยดาบสก็หยดลงถูกร่างทีปายนดาบสแห้งดำไปทั้งตัว  ตั้งแต่นั้นมาจึงได้ชื่อว่ากัณหทีปายนะ แปลว่าทีปายนะดำ  รุ่งขึ้นราชบุรุษมาเห็นก็ไปทูลพระเจ้าโกสัมพิกะ  พระเจ้าโกสัมพิกะเสด็จมาถามกัณหทีปายนดาบสว่าทำไมมานั่งพิงหลาวอยู่  เมื่อทรงรู้เรื่องว่ามัณฑพยดาบสเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ให้ถอนหลาวออก  แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถถอนหลาวออกจากร่างมัณฑพยดาบสได้  มัณฑพยดาบสจึงทูลว่าถ้าจะไว้ชีวิตตนก็ให้เอาเลื่อยมาตัดหลาวให้เสมอกับหนัง  ตั้งแต่นั้นมาจึงได้ชื่อว่าอาณิมัณฑพยะ*แปลว่ามัณฑพยะลิ่ม  เพราะมีหลาวเป็นลิ่มติดอยู่ภายในกาย  ส่วนการที่อาณิมัณฑพยดาบสไม่ตายเพราะชาติก่อนไม่ได้ทำให้แมลงวันต้องตาย  หลังจากที่กัณหทีปายนดาบสอยู่รักษาแผลของมัณฑพยดาบสจนหายดีแล้วก็เดินทางกลับบรรณศาลา
ต่อมายัญญทัตกุมาร*บุตรของนายมัณฑพยะถูกงูพิษกัดสลบ  นายมัณฑพยะขอให้กัณหทีปายนดาบสช่วยรักษา  แต่กัณหทีปายนดาบสบอกว่าตนเป็นนักบวชไม่มีความรู้ด้านเวชกรรม  นายมัณฑพยะจึงขอให้ดาบสทำสัตยาธิษฐานให้บุตรของตนหายจากพิษงู  กัณหทีปายนดาบสวางมือลงบนศีรษะของยัญญทัตกุมารแล้วกล่าววาจาสัตย์ว่าที่จริงแล้วตนมีจิตเลื่อมใสในเพศบรรพชิตเพียง 7 วันแรกเท่านั้น  แต่หลังจากนั้นตนต้องฝืนใจบวชมาถึง 50 ปี เมื่อกล่าวจบพิษในศีรษะของกุมารก็หายไป  ลืมตาเรียกแม่ได้แต่ยังลุกขึ้นไม่ได้  จากนั้นกัณหทีปายนดาบสก็ให้นายมัณฑพยะทำสัจกิริยาเสริมพลัง  นายมัณฑพยะวางมือที่อกของบุตรแล้วกล่าวว่าทุกครั้งที่มีอาคันตุกะมาที่บ้าน  ตนก็ต้อนรับเลี้ยงดูให้ที่พักอย่างดีทั้ง ๆ ที่ไม่พอใจจะทำเช่นนั้นเลย  แต่ตนต้องไม่แสดงความไม่พอใจออกมาให้ใครเห็นหรือรู้ได้  เมื่อนายมัณฑพยะกล่าวจบ  พิษที่อยู่เหนือสะเอวบุตรก็หายไป  ยัญญทัตกุมารลุกขึ้นนั่งได้แต่ยังยืนไม่ได้  จากนั้นสามีก็บอกภรรยาให้ทำสัจกิริยาบ้าง  นางกล่าวว่างูพิษที่กัดบุตรนั้นไม่เป็นที่รักของตนเหมือนที่สามีไม่เป็นที่รักของตนเลย  เมื่อกล่าวจบพิษในกายบุตรก็หายสิ้น  ยัญญทัตกุมารสามารถลุกขึ้นได้และอยากจะเล่น  นายมัณฑพยะถามกัณหทีปายนดาบสว่าเหตุใดจึงต้องฝืนใจบวช  เหตุใดจึงไม่สึกออกมาครองเรือน  ดาบสตอบว่าเพราะเกรงว่าจะถูกคนติเตียนว่าเป็นคนเหลวไหลกลับกลอก  แล้วกัณหทีปายนดาบสก็ถามนายมัณฑพยะว่าเหตุใดจึงต้องฝืนใจต้อนรับพวกอาคันตุกะ  นายมัณฑพยะตอบว่าตนทำตามที่ตระกูลเคยปฏิบัติกันมา  ถ้าไม่ทำก็เกรงคนจะติเตียน  แล้วนายมัณฑพยะก็ถามภรรยาว่าเหตุใดจึงทนอยู่กับตนทั้งๆ ที่ไม่รัก  นางตอบว่านางต้องประพฤติตามจารีตของตระกูลเพราะเกรงจะถูกคนติเตียน    แล้วนางก็ขอโทษสามีขอให้ลืมสัจวาจาที่ตนต้องจำใจพูดเพราะต้องการจะให้บุตรหายจากพิษงู  สามีก็ยกโทษให้  
กัณหทีปายนดาบสได้ขอให้นายมัณฑพยะทำทานด้วยความศรัทธา    นายมัณฑพยะก็ขอให้ดาบสประพฤติพรหมจรรย์ด้วยความเลื่อมใสอย่างแท้จริง  แล้วสองสามีภรรยาก็ลาจากไป  ตั้งแต่นั้นมาภรรยาก็รักนายมัณฑพยะ นายมัณฑพยะก็ศรัทธาในการให้ทาน  ฝ่ายกัณหทีปายนดาบสบำเพ็ญฌานจนได้อภิญญาและสมาบัติ  เมื่อสิ้นชีวิตได้ไปเกิดในพรหมโลก
ผู้เรียบเรียง
ยุพร แสงทักษิณ 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store