TLD-003-0984
จินตระวันหนา (ชื่อตัวละคร)
จินตระวันหนาเป็นตัวละครในบทละครเรื่องดาหลัง เป็นโอรสท้าวสิงหัดส่าหรี*และประไหมสุหรี
พระอัยกาปะตาระกาหลา* ประทานนามและกริชให้เมื่อแรกเกิดเช่นเดียวกับเจ้าชายองค์อื่น ๆ ในวงศ์เทวา พระบิดาหมั้นไว้ให้กับนางบุษบาอากง*ธิดาท้าวกาหลัง*ตามธรรมเนียมของวงศ์เทวา เมื่ออิเหนา* ถูกระตูมะงาดา* ลวงไปฆ่า ท้าวกุเรปัน*ส่งโอรสองค์ที่ 2 คือจะหรังกะหนังโหละ* ให้ยกทัพไปปราบระตูมะงาดา พร้อมกับส่งสารไปถึงท้าวสิงหัดส่าหรีพระอนุชา ให้ส่งจินตระวันหนายกทัพมาช่วยรบด้วย จินตระวันหนาเดินทัพมาหลายวันไม่ได้ข่าวอิเหนา จึงอธิษฐานขอให้ปะตาระกาหลาบอกที่อยู่ของอิเหนา ปะตาระกาหลาลงมาเข้าฝันแจ้งว่าอิเหนาอยู่ในป่าใกล้เมืองดาหา*และกำลังฟั่นเฟือนเพราะโศกเศร้าคิดถึงนางบุษบาก้าโละ* ให้ตามไปช่วยโดยเร็ว
จินตระวันหนาเดินทางไปพบอิเหนาอยู่กับประสันตา* อิเหนามีอาการคลุ้มคลั่งเป็นระยะ ๆ บางคราวหลงเข้าใจว่าจินตระวันหนาคือนางบุษบาก้าโละ จินตระวันหนาดูแลอิเหนาเป็นอย่างดี พาเดินทางไปจนพบจะหรังกะหนังโหละซึ่งปราบระตูมะงาดาแล้ว จะหรังกะหนังโหละปลอมตนเป็นโจรป่าใช้ชื่อว่า กุดาวิราหยา* อ้างว่าเป็นน้องปันหยี* (อิเหนา) จินตระวันหนาจึงปลอมตนด้วย ใช้ชื่อว่า มิสาหยังส่าหรี* ทั้งมิสาหยังส่าหรีและกุดาวิราหยาเห็นพ้องกันว่าต้องพาปันหยีไปบวช และให้ฤๅษีรดน้ำมนตร์เพื่อให้หายคลุ้มคลั่ง ปะตาระกาหลารู้ความประสงค์จึงเนรมิตอาศรมให้ 3 หลังบนยอดเขา ทั้งสามคนบวชและต่างก็บำเพ็ญภาวนาอยู่ในอาศรมของตน การบวชทำให้ปันหยีหายฟั่นเฟือนแต่ก็ต้องพลัดพรากจากอนุชาทั้งสองไปอีก เนื่องจากถูกเหยี่ยวมนตร์* ล่อให้ตามไปเป็นสามีนางจินตะหราวาตี* มิสาหยังส่าหรีและกุดาวิราหยาจึงลาบวชและยกทัพตามหาปันหยี มิสาหยังส่าหรีและกุดาวิราหยาเดินทางมาใกล้ถึงเมืองกาหลัง* จึงส่งสารไปถึงท้าวกาหลัง*ขอเข้าเฝ้าเพื่อแสดงความเคารพ โดยไม่เปิดเผยว่าตนเป็นหลาน ท้าวกาหลังต้อนรับเป็นอย่างดีและโปรดให้ทั้งสองคนได้รู้จักกับโอรสคือระเด่นศิริกัน* ในชั้นแรกทั้งสามคนรักใคร่กลมเกลียวกันและตั้งสัจจะเป็นมิตรกัน
ต่อมาศิริกันหลงรักนางอุหลันหยา*ชายาของกุดาวิราหยา ศิริกันวางแผนชิงนางมาเป็นของตนด้วยการก่อศึกขึ้น ยกทัพมาล้อมเมืองกาหลัง เพราะคาดว่ากุดาวิราหยาและมิสาหยังส่าหรีจะต้องอาสาออกรบ ตนก็จะจับคนทั้งสองไปแล้วชิงนางอุหลันหยามาเป็นของตน ทั้งสองคนยกทัพออกมาตามคาดแต่ไม่ต้องการจะรบ เพียงจะเจรจากับศิริกันในฐานะมิตรร่วมสัจจะ ศิริกันใช้เชือกมนตร์* มัดคนทั้งสองใส่ตรุไว้ ปะตาระกาหลาไปแจ้งให้มิสาประหมังกุหนิง* (นางบุษบาก้าโละ) มาช่วย
เมื่อปราบศิริกันได้แล้วมิสาหยังส่าหรี กุดาวิราหยา และมิสาประหมังกุหนิงก็อยู่ในเมืองกาหลัง ท้าวกาหลังทรงทราบเพียงว่าทั้งสามคนเป็นน้องของปันหยี และมิสาประหมังกุหนิงเป็นน้องถัดจากกุดาวิราหยา ระหว่างที่มิสาหยังส่าหรีอยู่ที่เมืองกาหลัง มียักษ์ตนหนึ่งลักพานางบุษบาอากงธิดาท้าวกาหลังไปไว้บนค่าคบไม้ไทรในป่าใหญ่ ยักษ์ตนนี้เป็นเทวดาถูกสาป จึงทำอุบายพานางไปเพื่อให้เชื้อวงศ์เทวาตามมาประหารตนแล้วจึงจะพ้นคำสาป ทั้งสามคนจึงต้องร่วมกันปราบยักษ์ มิสาประหมังกุหนิงฆ่ายักษ์แล้วเกิดปัญหาว่าใครควรจะขึ้นไปรับนางบุษบาอากงลงมาจากต้นไม้ มิสาหยังส่าหรีถูกพี่ทั้งสองคนล้อเลียนและยุให้ขึ้นไปรับนางเพราะเป็นคู่หมั้นกัน แต่มิสาหยังส่าหรีเห็นว่าไม่สมควรที่จะไปถูกเนื้อต้องตัวพระธิดา เพราะนางไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของตน จึงเสนอให้มิสาประหมังกุหนิงขึ้นไปรับแทน มิสาประหมังกุหนิงแก้ปัญหาด้วยการจัดให้ทำบันไดรับนางลงมา ช่วงเวลาก่อนจะกลับเข้าเมือง มีเทวดาอีกองค์หนึ่งที่ทำผิด ถูกสาปให้เป็นเสืออยู่ในป่านั้น เสือมาคาบกุดาวิราหยาไปเพราะหวังจะให้ช่วยฆ่าตนให้พ้นทุกข์ จึงเหลือแต่มิสาหยังส่าหรีและมิสาประหมังกุหนิง ทั้งสองคนจึงพานางเข้าเมืองและลาท้าวกาหลังไปตามหากุดาวิราหยาและปันหยีต่อไป มิสาหยังส่าหรีเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปกับมิสาประหมังกุหนิงตลอดไม่ว่าจะไปทางบกหรือทางทะเล ให้คำปรึกษาและรับฟังการปรับทุกข์ของมิสาประหมังกุหนิง
ในตอนปลายเรื่องเมื่อทุกคนได้มาพบกันที่เมืองกาหลัง มิสาประหมังกุหนิงจำดาหลัง* (อิเหนา) ได้ ร่างกายก็กลับกลายเป็นสตรีตามเดิมคือนางบุษบาก้าโละ นางเกิดความอับอายเกรงว่าจะถูกครหาว่าเป็นหญิงเที่ยวไล่ตามผู้ชายจึงหนีไปบวช มิสาหยังส่าหรีเป็นคนแรกที่รู้ว่านางบุษบาก้าโละหนีไป จึงรีบไปบอกให้อิเหนาติดตามนาง เมื่อพบกันแล้วเรื่องก็จบลงด้วยดี
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory