วันหนึ่งเมื่อไปฟังเทศน์ที่วัดกายสุทธกุมารได้พบนางอุทัยก็หลงรักนาง จึงให้ทหารติดตามไปล้อมเรือนของตายายผู้เลี้ยงดูนางอุทัย นางอุทัยหลบเข้าไปซ่อนในร่างคางคก แล้วให้ตายายบอกทหารว่าหากเจ้านายประสงค์ได้นางเป็นชายา ให้แต่งสะพานทอง มีห้องประดับด้วยทอง 150 ห้อง จากเมืองมาถึงเรือนของนาง ท้าวการบโกรธมากคิดจะฆ่าสองตายาย แต่นางกาวินทัดทานไว้ แล้วขอให้ตายายสร้างปราสาททองไว้รอรับสะพานทอง หากไม่สำเร็จจะลงอาญาถึงชีวิต คืนนั้นนางอุทัยเนรมิตปราสาททองขึ้น และพระอินทร์เนรมิตสะพานทองให้ตามคำอธิษฐานของกายสุทธกุมาร แล้วทั้งสองก็ได้เข้าพิธีอภิเษกและครองรักกันอย่างมีความสุข
ต่อมาท้าวกัญจา*เจ้าเมืองอุโลมนคร*ส่งทูตมาเตือนให้กายสุทธกุมารไปอภิเษกกับธิดาคือนางฉันนาซึ่งมีอายุ 15 ปีที่ได้สู่ขอหมั้นหมายไว้แต่เดิม หากไม่เดินทางไปอภิเษกจะต้องทำสงครามกัน กายสุทธกุมารจำต้องจากนางอุทัยไป จึงให้ช่างหล่อรูปนางอุทัยด้วยทองคำนำใส่หีบไปเชยชมต่างหน้าด้วย หลังพิธีอภิเษกกายสุทธกุมารมิได้สนิทเสน่หานางฉันนา เฝ้าแต่เชยชมรูปนางอุทัย นางฉันนารู้จึงให้คนมาลักรูปหล่อนางอุทัยไปทิ้งน้ำ ทำให้กายสุทธกุมารไม่พอใจอย่างยิ่ง นางฉันนาทำอุบายลวงนางอุทัยไปยังอุโลมนคร ทำร้ายนางจนถึงแก่ความตาย แล้วให้นำร่างไปทิ้งในแม่น้ำ แต่นางอุทัยฟื้นคืนชีพเพราะเป็นธิดานางนาค ด้วยความแค้นนางอุทัยทำอุบายสังหารนางฉันนาได้ เมื่อกายสุทธกุมารรู้ข่าวก็แกล้งทำเป็นโศกเศร้า ไปผนวชเป็นพระภิกษุอุทิศส่วนกุศลให้นางฉันนาและจำพรรษาอยู่ที่วัดในอุโลมนคร นางอุทัยแกล้งพายเรือร้องขายแป้งหอมผ่านไปหน้าวัด กายสุทธกุมารจำเสียงนางได้จึงให้คนไปนำตัวนางมา ทั้งสองได้พบกัน กายสุทธกุมารลาผนวชแล้วพานางเดินทางกลับบ้านเมืองวันหนึ่งเมื่อไปฟังเทศน์ที่วัดกายสุทธกุมารได้พบนางอุทัยก็หลงรักนาง จึงให้ทหารติดตามไปล้อมเรือนของตายายผู้เลี้ยงดูนางอุทัย นางอุทัยหลบเข้าไปซ่อนในร่างคางคก แล้วให้ตายายบอกทหารว่าหากเจ้านายประสงค์ได้นางเป็นชายา ให้แต่งสะพานทอง มีห้องประดับด้วยทอง 150 ห้อง จากเมืองมาถึงเรือนของนาง ท้าวการบโกรธมากคิดจะฆ่าสองตายาย แต่นางกาวินทัดทานไว้ แล้วขอให้ตายายสร้างปราสาททองไว้รอรับสะพานทอง หากไม่สำเร็จจะลงอาญาถึงชีวิต คืนนั้นนางอุทัยเนรมิตปราสาททองขึ้น และพระอินทร์เนรมิตสะพานทองให้ตามคำอธิษฐานของกายสุทธกุมาร แล้วทั้งสองก็ได้เข้าพิธีอภิเษกและครองรักกันอย่างมีความสุข
ต่อมาท้าวกัญจา*เจ้าเมืองอุโลมนคร*ส่งทูตมาเตือนให้กายสุทธกุมารไปอภิเษกกับธิดาคือนางฉันนาซึ่งมีอายุ 15 ปีที่ได้สู่ขอหมั้นหมายไว้แต่เดิม หากไม่เดินทางไปอภิเษกจะต้องทำสงครามกัน กายสุทธกุมารจำต้องจากนางอุทัยไป จึงให้ช่างหล่อรูปนางอุทัยด้วยทองคำนำใส่หีบไปเชยชมต่างหน้าด้วย หลังพิธีอภิเษกกายสุทธกุมารมิได้สนิทเสน่หานางฉันนา เฝ้าแต่เชยชมรูปนางอุทัย นางฉันนารู้จึงให้คนมาลักรูปหล่อนางอุทัยไปทิ้งน้ำ ทำให้กายสุทธกุมารไม่พอใจอย่างยิ่ง นางฉันนาทำอุบายลวงนางอุทัยไปยังอุโลมนคร ทำร้ายนางจนถึงแก่ความตาย แล้วให้นำร่างไปทิ้งในแม่น้ำ แต่นางอุทัยฟื้นคืนชีพเพราะเป็นธิดานางนาค ด้วยความแค้นนางอุทัยทำอุบายสังหารนางฉันนาได้ เมื่อกายสุทธกุมารรู้ข่าวก็แกล้งทำเป็นโศกเศร้า ไปผนวชเป็นพระภิกษุอุทิศส่วนกุศลให้นางฉันนาและจำพรรษาอยู่ที่วัดในอุโลมนคร นางอุทัยแกล้งพายเรือร้องขายแป้งหอมผ่านไปหน้าวัด กายสุทธกุมารจำเสียงนางได้จึงให้คนไปนำตัวนางมา ทั้งสองได้พบกัน กายสุทธกุมารลาผนวชแล้วพานางเดินทางกลับบ้านเมือง