TLD-003-1168
ฉัพพรรณรังสี (ชื่อปกิณกะ)
ไตรภูมิกถา ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา
ฉัพพรรณรังสีเป็นรัศมีในเรื่องไตรภูมิกถา คือรัศมี 6 ประการที่พุ่งออกจากพระวรกายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อทรงกระทำพระปาฏิหาริย์ด้วยฤทธิ์ที่ชื่อว่าอิทธิวิธิญาณ* รัศมีทั้ง 6 ประการนี้
ลำดับแรกได้แก่รัศมีสีเขียวงามดังดอกอัญชันหรือดอกนีลุบลและดอกผักตบ หรือเหมือนกับแววหางนกยูงหรือปีกแมลงภู่ ปรากฏออกจากพระเกศและพระโลมาทุกเส้น
รัศมีลำดับที่ 2 ได้แก่รัศมีสีเหลืองราวก้านดอกกรรณิการ์และหรดาล หรือเหมือนทองสุกที่ชื่อทองชมพูนุท* ปรากฏออกจากพระปฤษฎางค์
รัศมีลำดับที่ 3 มีสีแดงราวกับแสงน้ำครั่งและชาติหิงคุละ(ชาด) และดอกชบา
รัศมีลำดับที่ 4 เป็นสีขาวงามบริสุทธิ์ดังดอกพุดและหอยสังข์ ปรากฏออกจากพระทนต์และพระเนตรสีขาว
รัศมีลำดับที่ 5 เป็นสีแดงอ่อนดูงามเหมือนดอกอโนชา (ต้อยติ่ง)และดอกชบาเทศ ดอกเทียนไทย และดอกทองฟ้าซึ่งมีสีและแสงเหมือนทองแดงขัด ปรากฏออกจากข้อพระหัตถ์และเล็บพระบาท
รัศมีลำดับที่ 6 เป็นสีเหลืองงามสุกใสราวกับดาวประกายพรึกและผลึกรัตนะ ปรากฏออกจากพระอุณาโลม
รัศมีทั้ง 6 ประการนี้ต่างก็เปล่งแสงสว่างรุ่งเรืองฉวัดเฉวียนหมุนเวียนไปมาออกจากพระวรกายของพระพุทธเจ้า ทั้งสีเขียว เหลือง แดง ขาว แดงอ่อน และแสงสุกสว่างไม่มีหม่นหมอง
รัศมีเหล่านี้ดูราวกับมีชีวิตจิตใจ ต่างก็เปล่งแสงออกมาตามลำดับ เริ่มที่รัศมีสีเขียว ตามด้วยรัศมีสีเหลือง แดง ขาว แดงอ่อน และรัศมีที่มีแสงงดงามเหมือนดาวประกายพรึก
รัศมีสีเหลืองนั้นดูราวกับจะถามรัศมีสีเขียวที่อยู่ข้างหน้าว่าเหตุใดจึงไปก่อนตน เป็นเพราะทำบุญสิ่งใดไว้ รัศมีสีเขียวดูราวกับจะเหลียวมาตอบว่า ในอดีตเมื่อครั้งพระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์ชื่อพระเจ้าสีพีราช ได้ทรงควักพระเนตรออกให้เป็นทานแด่พระอินทร์ซึ่งเนรมิตองค์เป็นพราหมณ์มาขอ ด้วยเดชพระสมภารบารมีนี้ รัศมีสีเขียวจึงได้นำหน้าไปก่อนรัศมีอื่น ๆ
ฝ่ายรัศมีสีแดงซึ่งพุ่งตามรัศมีสีเหลืองออกมานั้นก็ได้ทำอาการราวกับจะถามรัศมีสีเหลืองว่าเหตุใดจึงได้ไปก่อนตน รัศมีสีเหลืองมีอาการเหมือนจะรู้และหันมาตอบรัศมีสีแดงว่า ครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นวิริยบัณฑิตนั้น ทรงเชือดเนื้อออกมาให้แก่พระอินทร์ซึ่งเนรมิตองค์เป็นช่างทอง และให้ตีเป็นแผ่นทองปิดพระพุทธรูปด้วยใจศรัทธา ตนจึงเกิดเป็นรัศมีสีเหลืองรุ่งเรืองงามดั่งทอง
ส่วนรัศมีสีขาวก็ถามรัศมีสีแดงที่ไปข้างหน้า รัศมีสีแดงอ่อนถามรัศมีสีขาวที่ไปข้างหน้า และรัศมีสีดังดาวประกายพรึกถามรัศมีสีแดงอ่อนที่ไปข้างหน้า แล้วต่างก็ได้รับคำตอบถึงบุญบารมีที่ตนเคยสั่งสมมาต่างกัน ซึ่งมีผลทำให้รัศมีสีหนึ่งได้พุ่งออกไปก่อนรัศมีอีกสีหนึ่งตามลำดับ
ในที่สุดรัศมีสีดังดาวประกายพรึกก็ได้เล่าถึงบุญบารมีของตนและแซงขึ้นไปอยู่ข้างหน้ารัศมีสีแดงอ่อนที่อยู่ก่อนหน้าตน จากนั้นรัศมีทั้งหลายต่างก็แข่งกันเหาะไปข้างหน้าแล้วฉายแสงลงข้างล่างทุกหนทุกแห่งจนถึงอวิจีนรก ไปจนสุดแผ่นดินได้ 240,000 โยชน์ แล้วพุ่งขึ้นไปบนอากาศ พ้นอรูปพรหม* ขึ้นไปถึงลมอัชฎากาศ* พุ่งไปถึงอนันตจักรวาลทุก ๆ ด้าน สว่างเข้าไปทุกแห่งทุกรูทุกซอกเขาทุกถ้ำทุกปล่องที่มืดอยู่ ขณะที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำปาฏิหาริย์ได้เกิดแผ่นดินไหวทั่วทุกแห่ง มหาสมุทรปั่นป่วน เขาพระสุเมรุเอนเอียงราวกับยอดหวายลนไฟ เครื่องดนตรีบรรเลงขึ้นเองอย่างไพเราะถวายแด่พระพุทธเจ้า อรูปพรหมทั้งหลายต่างลงมาเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory