เสือโคคำฉันท์
รหัสข้อมูล
                              TLD-001-273
                            ชื่อเรื่องหลัก
                              เสือโคคำฉันท์
                            ยุคสมัย 
                                        
                                    ผู้แต่ง  
                                    
                                    
                                    คำประพันธ์  
                                                              
                                    ฉันท์                                
                                                            ฉันทลักษณ์   
                                                             
                                กาพย์ฉบัง , กาพย์สุรางคนางค์                                 
                              
                            เนื้อเรื่องย่อ
                                
	เริ่มจากกล่าวถึงแม่เสือทิ้งลูกไปหากินไกล จนลูกเสืออ่อนหิวเจียนตาย  บังเอิญแม่โคพาลูกเดินผ่านมา  ลูกเสือจึงออกปากขอกินนม  แต่แรกแม่โคคิดจะปฏิเสธเพราะเป็นศัตรูต่อกันโดยกำเนิด แต่ลูกเสือปฏิญาณว่าถ้าได้กินนมจะนับถือเป็นแม่และไม่ทำอันตราย แม่โคจึงยอมให้ลูกเสือกินนม ครั้นแม่เสือกลับมา ลูกเสือก็เล่าเรื่องดังกล่าวให้ทราบและขอให้แม่เสือปฏิญาณว่าจะไม่ทำอันตรายแม่วัว แม่เสือรับคำแต่ภายหลังคิดทรยศ ลอบฆ่าแม่วัวกินเป็นอาหาร ลูกสัตว์ทั้งสองรู้เข้าจึงร่วมมือกันฆ่าแม่เสือเสีย แล้วพากันเดินทางต่อไปจนพบพระฤษีตนหนึ่ง ฤษีจึงชุบสัตว์ทั้งสองขึ้นเป็นมนุษย์ ให้ชื่อว่าพหลและคาวีตามลำดับ ไต่ถามความเป็นมาแล้วมอบพระขรรค์ให้คนละเล่ม ทั้งถอดหัวใจใส่พระขรรค์ให้ด้วยเพื่อจะได้อยู่ยงคงกะพัน 
	พหลและคาวีพากันเดินทางต่อไปจนถึงแดนเมืองจันทบูราจึงหยุดพักใต้ร่มไม้ริมสระ ซึ่งเป็นที่อาศัยของรากษสตนหนึ่ง คาวีไปตักน้ำให้พหลดื่ม พบรากษสเข้าก็ต่อสู้กัน จนฆ่ารากษสตาย ชาวเมืองมาเห็นจึงนำความไปทูลท้าวมคธราชผู้ครองเมือง ท้าวมคธราชเสด็จออกมาเชิญผู้ฆ่ารากษสไปครองเมืองและจะพระราชทานราชธิดา คือนางสุรสุดาให้เป็นมเหสี คาวีก็ทูลบ่ายเบี่ยงให้เข้าใจว่า พหลซึ่งตนนับถือเป็นพี่สมควรแก่ตำแหน่งนั้นมากกว่า
เมื่อพหลได้ขึ้นครองเมืองนั้นแล้ว คาวีก็ลาออกเดินทางผจญภัยต่อไปหลังจากเสี่ยงดอกบัวอธิษฐานแลกกันไว้
เมื่อพหลได้ขึ้นครองเมืองนั้นแล้ว คาวีก็ลาออกเดินทางผจญภัยต่อไปหลังจากเสี่ยงดอกบัวอธิษฐานแลกกันไว้
	ในที่สุดคาวีก็เดินทางมาถึงเมืองร้าง เห็นกลองใบใหญ่ตั้งอยู่หน้าเหมปราสาทแต่ตีไม่ดัง จึงใช้พระขรรค์แหวะหน้ากลองออก พบนางจันทร นางเล่าให้ฟังว่ามีนกอินทรีคู่หนึ่งบินมากินคนในเมืองซึ่งชื่อว่ารมยนครจนเบาบาง ราชบิดาของนางจึงสร้างกลองใหญ่ขึ้นซ่อนนางไว้ ถ้านกอินทรีเห็นควันลอยขึ้นจากเมือง รู้ว่ายังมีคนอยู่ ก็จะมาจับกิน คาวีทราบดังนั้นจึงก่อไฟเรียกนกอินทรีมาฆ่าเสียทั้งคู่  แล้วก็อยู่เป็นสุขกับนางจันทรต่อมาในเมืองนั้น
	วันหนึ่งนางจันทรพาคาวีไปสรงในแม่น้ำ แล้วเก็บเส้นเกศาที่ร่วงใส่ผอบลอยไป  ท้าวยศภูมิเจ้าเมืองพัทธพิไสยเก็บผอบได้  ติดใจความหอมของเกศานาง  หญิงชราที่เคยอยู่ในเมืองร้างนั้นและรู้ความเป็นมาของนางจันทรจึงอาสาพานางมาให้
	หญิงชราเดินทางไปฝากตัวเป็นข้านางจันทร สืบจนรู้ว่าคาวีถอดหัวใจไปใส่ไว้ในพระขรร์จึงแอบนำพระขรรค์ไปเผาทิ้ง พอคาวีสิ้นสมปฤดี ก็อุ้มนางจันทรลงเรือไปส่งมอบแก่ท้าวยศภูมิ  แต่นางจันทรยังภักดีต่อสามี  ด้วยฤทธิ์ความภักดีนั้นท้าวยศภูมิไม่อาจเข้าใกล้องค์นางได้  
	ฝ่ายพหลเกิดลางสังหรณ์ห่วงคาวี  เนื่องจากบัวอธิษฐานเหี่ยวแห้ง จึงเดินทางไปจนถึงเมืองรมยบุรี พบขรรค์ในกองเถ้าและคาวีสลบอยู่ริมเกยชัย  จึงช่วยแก้ไขจนคาวีฟื้นขึ้นมา ไต่ถามความเป็นมาจนรู้ชัด แล้วใช้เวทมนตร์ย่อร่างคาวีใส่ย่าม  ปลอมตนเป็นดาบสติดตามนางจันทรไปจนถึงเมืองพัทธพิไสย ได้ข่าวเล่าลือว่าท้าวยศภูมิได้นางงามมา แต่นางไม่ยินดีด้วย ท้าวยศภูมิคิดว่าเหตุเพราะตนรูปไม่งามและชราแล้วด้วย จึงประสงค์จะชุบตัวให้เป็นหนุ่มหล่อเหลา  พหลจึงเข้ารับอาสา  ทำอุบายลวงผลักท้าวยศภูมิตกลงในกองกูณฑ์พิธี  แล้วนำคาวีออกแสดงเป็นตัวแทน คาวีจึงได้พบกับนางจันทรและร่วมกันครองเมืองพัทธพิไสยสืบไปโดยอาศัยนามท้าวยศภูมิ
ผู้เรียบเรียง   
                              
                            เอกสารอ้างอิง
                                ศิลปากร, กรม. วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม 2. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์, 2545.
รูปแบบลิขสิทธิ์ 
                               Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
                             
           
            
          