กาลอัจนา หรืออัจนา*เป็นตัวละครในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ฤๅษีโคดม*ชุบนางจากกองไฟเพื่อเป็นชายา นางกาลอัจนาเป็นสตรีรูปงามคล้ายพระอุมา* นางมีธิดาที่เกิดกับฤๅษีโคดมคือนางสวาหะ*
เมื่อพระอินทร์*จะแบ่งกำลังมาช่วยพระนารายณ์* พระอินทร์ได้ลงมาลูบหลังนางกาลอัจนา ทำให้นางตั้งครรภ์ มีโอรสองค์หนึ่ง วันหนึ่งนางกาลอัจนานั่งชมพระอาทิตย์*ขึ้นก็เกิดจิตประดิพัทธ์พระอาทิตย์ พระอาทิตย์รู้จิตนางจึงลงมาหานางที่บรรณศาลาเพื่อร่วมอภิรมย์กับนาง ต่อมานางมีโอรสอีกองค์หนึ่งโดยที่ฤๅษีโคดมไม่รู้เรื่องจึงหลงคิดว่าเด็กทั้งสามเป็นลูกของตนทั้งหมด
วันหนึ่งฤๅษีโคดมจะไปสรงน้ำ จึงอุ้มโอรสพระอาทิตย์และให้โอรสพระอินทร์ขี่หลัง ส่วนนางสวาหะนั้นฤๅษีโคดมจูงมือพาเดินไป นางสวาหะน้อยใจจึงเดินบ่นว่าบิดาหลงรักอุ้มชูลูกของชายอื่นไม่สนใจลูกตน ฤๅษีโคดมสงสัยจึงสอบถามนางสวาหะจนได้ความจริง แล้วเสี่ยงอธิษฐานโดยโยนเด็กทั้งสามลงน้ำ อธิษฐานว่าถ้าเป็นลูกตนให้ว่ายน้ำกลับมาได้ หากไม่ใช่ให้กลายเป็นลิงป่า เมื่อโยนนางสวาหะและโอรสทั้งสองไปกลางน้ำ มีเพียงนางสวาหะที่ว่ายน้ำกลับมาหาฤๅษี ส่วนโอรสทั้งสองว่ายไปอีกฝั่งและกลายเป็นลิงตามคำอธิษฐานของฤๅษี เมื่อฤๅษีโคดมรู้ว่านางกาลอัจนามีชู้ก็โกรธ กลับมาที่อาศรมบริภาษแล้วสาปนางว่า
เหวยเหวยดูก่อนอีอัจนา เหตุใดมาเป็นดั่งนี้
คบชู้สู่สมภิรมย์รัก ทำการทรลักษณ์บัดสี
ดั่งหญิงชั่วช้ากาลี ให้อินทรีย์ของมึงเป็นศีลา
แม้นว่านารายณ์อวตาร มาสังหารเผ่าพาลยักษา
ในทวีปพิชัยลงกา เอาแผ่นผานี้จองถนนไป
ให้มึงจมอยู่ในสมุทร อย่าได้รู้ผุดขึ้นมาได้
ตามคำของกูที่สาปไว้ ให้สาแก่ใจอีกาลี
นางกาลอัจนาตกใจที่ฤๅษีสาปนาง แต่ก่อนที่นางจะกลายเป็นหิน นางได้ต่อว่านางสวาหะพร้อมกับสาปว่า
ไม่รู้จักคุณกูเลี้ยงมา ผลาญชีวาแม่ให้บรรลัย
มึงเป็นลูกเกิดในอุทร ควรหรือเป็นหนอนบ่อนไส้
ตัวกูนี้ต้องสาปไป ฝ่ายมึงให้ได้ทรมาน
จงไปอ้าปากยืนตีนเดียว เหนี่ยวกินลมอยู่ในไพรสาณฑ์
ยังเชิงขอบเขาจักรวาล ตามคำสาบานของกูนี้
ต่อมึงมีลูกเป็นวานร ฤทธิรอนเลิศล้ำกระบี่ศรี
จึ่งพ้นสาปสิ้นบาปอินทรีย์ ว่าแล้วไปเป็นศีลา