TLD-003-5383
อุตตรกุรุทวีป (ชื่อสถานที่)
ไตรภูมิพระร่วง ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา ไตรภูมิกถา
อุตตรกุรุทวีป หรืออุดรกุรุทวีป*เป็นหนึ่งในแผ่นดิน 4 ทวีปในเรื่องไตรภูมิกถา ได้แก่ ชมพูทวีป* บุรพวิเทหทวีป* อุตตรกุรุทวีป* และอมรโคยานทวีป* ทวีปเหล่านี้เป็นที่อยู่ของมนุษย์
อุตตรกุรุทวีปเป็นแผ่นดินที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ* กว้าง 8,000 โยชน์ มีแผ่นดินเล็ก 500 แผ่นดินล้อมรอบเป็นบริวาร แผ่นดินทวีปนี้เป็นที่ราบเสมอกันดูสวยงาม มีต้นไม้ทุกชนิดเจริญงอกงามกิ่งก้านสาขาตรงสวยสมบูรณ์ดีไม่มีแมลงรบกวน ไม้ผลไม้ดอกต่างก็มีผลมีดอกอยู่เสมอ กิ่งไม้เหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนในอุตตรกุรุทวีป ถ้ามีรูไม้อยู่ที่ใดเขาก็เข้าไปอาศัยอยู่ แล้วที่นั้นก็จะบังเกิดมีเสื่อสาดอาสนะแลฟูกหมอนครบถ้วน มีม่านและเพดานกางกั้นสวยงาม ที่ใดเป็นหนองน้ำก็มีดอกบัวแดง บัวขาว บัวเขียว บัวหลวง กระมุท อุบล จงกลนี นิลุบล ส่งกลิ่นหอมขจรขจายเมื่อลมพัด
ในแผ่นดินอุตตรกุรุทวีปมีต้นกัลปพฤกษ์*อยู่ต้นหนึ่ง สูง 100 โยชน์ กว้าง 100 โยชน์ โดยรอบปริมณฑล 300 โยชน์ กัลปพฤกษ์นี้เป็นไม้วิเศษ ผู้ใดปรารถนาจะได้ทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองผ้าผ่อนแพรพรรณข้าวปลาอาหารหรือสิ่งใด ๆ ก็ดี ต้นกัลปพฤกษ์ก็บันดาลให้ได้ดังประสงค์ทุกคน
ผู้คนในอุตตรกุรุทวีปมีใบหน้าเป็น 4 เหลี่ยม รูปร่างกะทัดรัดสวยงาม มีกำลังวังชา ทุกคนล้วนเป็นคนดีมีบุญรักษาศีลอยู่เสมอ ไม่เคยต้องร้อนใจหรือกังวลเพราะเรื่องใด ๆ เลย ไม่ต้องร้อนหรือหนาวด้วยลมฟ้าอากาศ ไม่มีแมลงหรือสัตว์มีพิษใด ๆ ในแผ่นดินนี้ ชาวอุตตรกุรุไม่ต้องทำนาเพราะมีต้นข้าวชนิดหนึ่งชื่อสัญชาตสาลี* ข้าวนี้ออกรวงเป็นข้าวสารขาวสะอาดหอมปราศจากแกลบรำจึงไม่ต้องตำต้องฝัด เมื่อจะหุงข้าวชาวอุตตรกุรุจะนำข้าวสารใส่ในหม้อทองและยกไปตั้งลงบนศิลาชื่อ โชติปาสาณ* ไฟก็ลุกขึ้นเองจากก้อนศิลานั้น ไฟนี้จะดับไปเมื่อข้าวสุก เขาจึงนำถาดและตะไลทองมาคดข้าวใส่ลงไป ส่วนกับข้าวนั้นเมื่อปรารถนาจะกินอะไรก็นึกเอาเอง ของกินจะมาอยู่ใกล้ ๆ ได้ เมื่อกินข้าวนี้แล้วชาวอุตตรกุรุทวีปจะไม่เป็นโรคผิวหนัง เช่น หิด เรื้อน เกลื้อน กลาก หูด ต่อมต่าง ๆ ไม่เป็นง่อยเปลี้ย ตาบอดหูหนวก ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัวปวดท้อง หรือเจ็บไข้พิกลพิการไปได้เลย
หญิงชาวอุตตรกุรุทวีปสวยงามทุกคน ทั้งรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณที่งามดังทองสุก นิ้วมือนิ้วเท้ารวมทั้งเล็บก็แดงงาม ใบหน้านวลสวยหมดจดปราศจากมลทิน งามราวพระจันทร์วันเพ็ญ มีตาดำเหมือนตาลูกทรายเพิ่งเกิดได้ 3 วัน ปากแดงราวลูกฟักข้าวสุก ผิวขาวราวกับสังข์ที่เพิ่งฝนมาใหม่ ๆ ขาสวยเหมือนลำกล้วยทองแฝด รูปร่างอ้อนแอ้น หน้าท้องแบนราบ เส้นผมละเอียดอ่อนดำงามเหมือนปีกแมลงภู่ ปลายผมที่ประบ่านั้นงอนขึ้น ขนคิ้วดำและสวย หน้าตายิ้มแย้ม น้ำเสียงแจ่มใส หญิงทุกคนดูราวกับสาวอายุ 16 ปี ไม่มีการแก่เฒ่า
ฝ่ายชายชาวอุตตรกุรุทวีปนั้นก็มีรูปงามและดูหนุ่มอยู่เสมอราวกับอายุ 20 ปีทุกคน ชายเหล่านี้กินข้าวกินน้ำกินอาหารล้วนแต่ดี ๆ รสอร่อยและเอาแต่แต่งตัว มีการทาน้ำมันหอม ทัดดอกไม้หอมแล้วเที่ยวเล่นไปตามสบาย บางคนเต้น บางคนรำ บางคนเล่นดนตรีดังกึกก้อง สนุกสนานราวกับเทพยดาในสวรรค์ บางพวกเที่ยวเล่นไปในสวนดอกไม้หอม เช่น จวงจันทน์ กฤษณา ปาริกชาต นาคพฤกษ์ ลำดวน จำปา โยธกา บางพวกไปเล่นในสวนผลไม้ เช่น ขนุนที่มีลูกสุกหอมหวาน ขนุนบางลูกใหญ่เท่าไหหาม (ตุ่ม) บางลูกเท่ากะละออม บางพวกชวนกันไปว่ายน้ำเล่นในแม่น้ำใหญ่ เมื่อจะลงเล่นน้ำชายชาวอุตตรกุรุทวีปจะถอดเสื้อผ้าเครื่องประดับวางบนหาดทรายริมฝั่ง เมื่ออาบน้ำเสร็จต่างก็ขึ้นมาสวมเสื้อผ้าเครื่องประดับชิ้นใดก็ได้ไม่มีใครว่ากัน เขาจะไม่เถียงกันหรือด่าว่ากันเลย
หญิงชายชาวอุตตรกุรุเมื่อเกิดพอใจรักใคร่กันก็จะอยู่ร่วมสมกันเพียง 7 วัน หลังจากนั้นก็จะไม่เกี่ยวข้องกันอีกเลย ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนตายจากกันเมื่ออายุได้ 1,000 ปี ราวกับพระอรหันต์ที่สิ้นจากกิเลสแล้ว เมื่อฝ่ายหญิงมีครรภ์และจะคลอดลูกก็ไม่รู้สึกเจ็บท้องเลย ถึงเวลานั้นไม่ว่าผู้เป็นแม่จะอยู่แห่งใด จะมีแท่นเป็นที่อยู่ที่นอนเกิดขึ้นมาเอง เมื่อลูกคลอดแล้วลูกนั้นสะอาดปราศจากเลือดและมลทิน งามราวกับแท่งทองอันสุกใส หญิงผู้เป็นแม่ไม่ต้องอาบน้ำให้ลูก ไม่ต้องอุ้มลูกและไม่ต้องให้ลูกกินนม แต่จะนำลูกน้อยไปนอนหงายไว้บนหญ้าที่อ่อนดังสำลีตรงริมทางที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา แล้วแม่ก็กลับไปที่อยู่ของตน ด้วยบุญของลูกอ่อนซึ่งนอนหงายอยู่นั้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเอานิ้วมือป้อนเข้าในปากลูกอ่อน นิ้วมือก็เกิดเป็นน้ำนมไหลออกมาเลี้ยงลูกอ่อน นอกจากนั้นยังเกิดเป็นข้าว กล้วย อ้อย ของกินต่าง ๆ มาเลี้ยงลูกอ่อนด้วย จนหลายเดือนผ่านไป เด็กนั้นโตขึ้นจนเดินไปมาได้ ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็จะไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายก็ไปเข้ากลุ่มกับเด็กผู้ชาย ลูก ๆ ทั้งหลายนั้นไม่รู้จักแม่ แม่ก็ไม่รู้จักลูกเพราะทุกคนงามเหมือน ๆ กันหมด แต่ถึงแม้จะดูงามเหมือน ๆ กัน เมื่อเริ่มรักกันและจะอยู่ครองคู่กันนั้น แม่กับลูกหรือพ่อกับลูกจะไม่มีการมาจับคู่รักกันได้ เพราะชาวอุตตรกุรุนั้นมีบุญ เทพยดาตกแต่งพวกเขาให้ครองคู่กัน
เมื่อถึงเวลาต้องตายจากกัน ชาวอุตตรกุรุทวีปไม่มีความทุกข์ความโศก ไม่มีการร้องไห้อาลัยรักกันเลย เขาแต่งตัวให้ศพอย่างงดงามด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับและของหอมต่าง ๆ แล้วจึงนำศพนั้นไปวางไว้ในที่โล่งเพื่อให้นกชนิดหนึ่งที่บินไปมาทั่วแผ่นดินอุตตรกุรุทวีปมาคาบเอาไปไว้ในที่อยู่ของมัน หรือบางครั้งก็คาบเอาไปไว้ที่แผ่นดินอื่น เช่น ฝั่งทะเลชมพูทวีป ทั้งนี้เพื่อไม่ให้แผ่นดินอุตตรกุรุทวีปสกปรกเลอะเทอะได้ นกชนิดนี้บ้างว่าเป็นนกหัสดีลิงค์* บ้างว่าเป็นนกอินทรี หรือนกกดก็มี
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory