มหาชาติคำหลวงเป็นวรรณคดีพุทธศาสนาในสมัยอยุธยา มีที่มาจากเรื่องมหาเวสสันดรชาดก คำว่า “มหาชาติ” หมายถึงชาติอันยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร ซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนเป็นพระพุทธเจ้า ได้ทรงบำเพ็ญทานบารมีอย่างยิ่งใหญ่และทรงบำเพ็ญบารมีอื่น ๆ จนครบถ้วน สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตแปลและแต่งขึ้นเมื่อจ.ศ. 844 (พ.ศ.2025)
มหาชาติคำหลวงเป็นวรรณคดีคำหลวงเรื่องแรก เป็นต้นแบบของการแต่งมหาชาติหรือเวสสันดรชาดกสำนวนต่าง ๆ ในสมัยต่อมา เป็นหลักฐานที่ใช้ในการศึกษาภาษาและรูปแบบคำประพันธ์สมัยอยุธยา เพราะปรากฏปีที่แต่งชัดเจน
ท้าวสักกะเทวราชทราบความที่พระนางผุสดีจะจุติจากดาวดึงส์ลงไปเกิดยังมนุษยโลก จึงให้พระนางทรงขอพรได้ 10 ประการ ครั้นพระนางรับพรแล้วก็จุติไปบังเกิดในตระกูลกษัตริย์มัทราช ได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัยผู้ครองแคว้นสีพี ต่อมาประสูติพระโอรสทรงพระนามว่าเวสสันดร ทุกวันพระเวสสันดรจะทรงช้างปัจจัยนาคเสด็จออกบำเพ็ญทาน วันหนึ่งพราหมณ์ชาวเมืองกลิงคราษฎร์มาทูลขอช้างปัจจัยนาคก็พระราชทานให้ ชาวเมืองสีพีทราบก็พากันขึ้งโกรธกล่าวโทษพระเวสสันดรต่อพระเจ้ากรุงสญชัย พระเจ้ากรุงสญชัยจึงให้ขับพระเวสสันดรออกจากพระนคร แม้พระนางผุสดีจะทูลขออภัยโทษก็ไม่โปรดพระราชทานให้ พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญสัตตดกมหาทานและเสด็จออกจากพระนครพร้อมพระนางมัทรี พระชาลีและพระกัณหา ระหว่างทางมีพราหมณ์มาทูลขอม้าและราชรถก็พระราชทานให้ ต่างพากันเสด็จดำเนินจนบรรลุถึงเมืองเจตราช พระเจ้าเจตราชทูลถวายพระนครให้ครอบครองพระองค์ก็ไม่ยอมรับ พระเจ้าเจตราชจึงตั้งพรานเจตบุตรเป็นนายด่านรักษาประตูป่า มิให้ใครมารบกวน
ชูชกพราหมณ์ยาจกผู้หนึ่งขอทานได้เงินจำนวน 1,000 กหาปณ์ นำไปฝากพราหมณ์สองผัวเมียซึ่งเป็นเพื่อน พราหมณ์นำเงินไปใช้จนหมด เมื่อชูชกไปทวงจึงยกนางอมิตตดาบุตรสาวให้ ชูชกพานางไปอยู่ที่บ้านทุนวิฐ พราหมณ์หนุ่ม ๆ เห็นนางปฏิบัติสามีดีก็ด่าว่าภรรยาของตน พวกนางพราหมณีเจ็บใจรุมตีก่นด่านางอมิตตดา นางจึงให้ชูชกไปขอกัณหาชาลีมาเป็นทาสรับใช้ ชูชกเดินทางไปจนพบพรานเจตบุตร หลอกว่าเป็นทูตของพระเจ้ากรุงสญชัย เจตบุตรหลงเชื่อต้อนรับอย่างดีทั้งยังชี้ทางให้ไปพบพระอจุตฤๅษี พระอจุตฤๅษีชี้ทางต่อไปยังเขาวงกต ชูชกรอให้พระนางมัทรีเสด็จไปหาผลไม้แล้วจึงเข้าไปเฝ้าและทูลขอสองกุมารก็ได้รับพระราชทาน เพราะพระเวสสันดรปรารถนาพระโพธิญาณจึงทำบุตรทานครั้งนี้ ฝ่ายพระนางมัทรีกลับมาไม่พบสองกุมารก็เที่ยวตามหาจนสลบไป ภายหลังได้ทราบเรื่องจากพระเวสสันดรนางก็อนุโมทนาด้วย ต่อมาพระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์มาทูลขอพระนางมัทรีและถวายคืนให้
ส่วนชูชกพาสองกุมารไปถึงเมืองเชตุดร แคว้นสีพี พระเจ้ากรุงสญชัยทรงไถ่พระนัดดาทั้งสองและยกไพร่พลไปรับพระเวสสันดร เมื่อหกกษัตริย์พบกันก็ทรงโศกสลดจนสลบไปและบังเกิดฝนโบกขรพรรษทำให้ฟื้นขึ้น เมื่อเสด็จกลับพระนคร พระเจ้ากรุงสญชัยทรงอภิเษกพระเวสสันดรครองสีพี