กล่าวถึงพระอินทร์ว่าครองสุทัสนนครซึ่งเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่กลางสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และพรรณนาความงามวิจิตรของสวรรค์ชั้นนี้ เริ่มจากปราสาทวิชยันต์ (เวชยันต์ ไพชยนต์) โรงเทวสภา ท้องพระลานทอง พระเจดีย์จุฬามณี ไม้ปาริกชาติ แท่นทิพยอาสน์ สระโบกขรณี (นันทวันโบกขรณี) และนันทวนอุทยาน ต่อจากนั้นจึงเล่าเรื่องเดิมที่พระอินทร์มีชายา 4 องค์ คือ นางสุธรรมา สุจิตรา สุนันทา และสุชาดา แต่เมื่อได้มาเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นางสุชาดามิได้มาเกิดเป็นชายาของพระอินทร์อีก แต่ไปเกิดเป็นธิดาของเนวาสิกาสูร
แม้จะครองรักอยู่กับชายาทั้งสามแต่พระอินทร์ก็ยังระลึกถึงนางสุชาดา ครั้นส่องทิพเนตรดูรู้ว่านางอยู่ในเมืองอสูรก็สงสารใคร่จะให้นางมาร่วมเสวยสุขในวิมาน จึงเสด็จด้วยมหาเวชยันต์ราชรถไปยังเมืองอสูร ขณะเนวาสิกาสูรจะจัดพิธีสยุมพรให้ธิดาก็จัดให้มีการเลือกคู่ขึ้น พระอินทร์รู้ข่าวจึงแปลงกายเป็นอสูรเฒ่าปะปนอยู่ในที่ประชุมอสูรทั้งปวง นางสุชาดาเห็นเทพจำแลงกายก็โยนพวงมาลัยไปคล้องกร อสูรทั้งปวงพากันประหลาดใจ พระอินทร์แสดงองค์ให้ประจักษ์แล้วอุ้มนางเหาะขึ้นไปบนฟ้า เนวาสิกาสูรกริ้วเป็นที่สุด จึงเหาะไล่ตามไปพร้อมกับกองทัพอสูร
ฝ่ายพระอินทร์พานางเหาะมาขึ้นเวชยันต์ราชรถ แล้วให้พระมาตุลีเทพบุตรขับหนีเนวาสิกาสูร เมื่อรถผ่านวิมานฉิมพลีบรรดาลูกครุฑได้ยินเสียงกงรถก็ตกใจส่งเสียงร้องด้วยความกลัว ด้วยความเมตตาสงสารพระอินทร์จึงโปรดให้พระมาตุลีบังคับราชรถให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเนวาสิกาสูร บุญฤทธิ์ของพระอินทร์ทำให้เนวาสิกาสูรหวาดหวั่นพรั่นใจ ถึงกับเลิกทัพกลับไปไม่กล้าต่อกรด้วย พระอินทร์จึงพานางสุชาดากลับไปยังไพชยันต์ปราสาท
ระหว่างทางพระอินทร์ได้ชี้ชวนเชิญให้นางสุชาดาชมความงามของสวรรค์ เช่น แม่น้ำสีทันดร เขาสัตภัณฑ์ ปลาทั้ง 7 ฯลฯ ครั้นถึงสุทัสนนครพระอินทร์ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ไปพานางมาอยู่ร่วมด้วย นางตัดพ้อ พระอินทร์ก็เล่าให้ฟังว่าในอดีตครั้งที่นางสุชาดาเกิดเป็นนก พระอินทร์ได้พานางมาอยู่ร่วมด้วย แต่นางกลับขอให้พาไปส่งคืนป่า จึงต้องพรากจากกัน นางจึงเข้าใจพระองค์และอยู่ครองรักกับพระอินทร์อย่างมีความสุข
พระคลัง (หน), เจ้าพระยา. สมบัติอมรินทร์คำกลอน. พระนคร : โรงพิมพ์อาศรมอักษร, 2506. (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนายประทีป พันธุ์พิทย์แพทย์. ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร 13 สิงหาคม 2506)