นิทานสิบสองเหลี่ยมเริ่มต้นด้วยนิทานนำเรื่องซึ่งเล่าว่า พระเจ้ามามูนเสด็จออกว่าราชการ ทรงทราบจากอำมาตย์ผู้รอบรู้เรื่องโบราณว่า พระเจ้าหรมุก พระราชโอรสของพระเจ้าเนาวสว่าน ทรงสั่งให้สร้างมณฑป 12 เหลี่ยมขึ้นที่เมืองมะดาวิน เพื่อบรรจุพระศพของพระราชบิดา และให้จารึกนิทานและคติธรรมไว้รอบมณฑปด้วย พระเจ้ามามูนจึงเสด็จไปยังมณฑปนั้น แต่ก็หาทางเข้าไปยังมณฑปไม่ได้ เพราะพระเจ้าหรมุกได้ทรงสั่งให้กลบทางเสียมิให้ผู้ใดเข้าถึงมณฑปได้ ชาวไร่ผู้หนึ่งอายุ 320 ปี (ตามความเป็นไปได้ในนิทาน) เข้าเฝ้าพระเจ้ามามูนและกราบทูลว่าตนเกิดเมื่อปีที่พระเจ้าเนาวสว่านขึ้นครองราชย์ ได้รู้เรื่องราวต่าง ๆ และจำทางที่จะเข้าไปยังมณฑปได้ จึงทูลอาสาที่จะนำเสด็จ เมื่อไปถึงมณฑป พระเจ้ามามูนทรงพบว่ามีอักษรจารึกเป็นข้อความที่แสดงคติธรรม และมีนิทานอีก 12 เรื่อง จึงสั่งให้อาลักษณ์คัดลอกไว้ทั้งหมด แล้วปิดทางเข้ามณฑปไว้ดังเดิม ตั้งแต่นั้นมา พระเจ้ามามูนก็ทรงยึดหลักคำสอนในจารึกเป็นแนวทางในการปกครองจนได้ชื่อว่าเป็นพระราชาผู้ทรงธรรม
เหลี่ยมที่ 1 เล่าว่า พระเจ้าฟ้าริดุ่นทรงประชวรพิษไข้ หมอหลวงทูลว่าให้ใช้โลหิตเด็กอายุ 12 ปี เป็นกระสายประกอบพระโอสถ หญิงผู้หนึ่งถวายบุตรชายให้ ตุลาการทูลว่าจำเป็นต้องฆ่าเด็กเพื่อรักษาชีวิตพระราชา ขณะที่ถูกนำตัวไปฆ่า เด็กชายผู้นั้นหัวเราะเยาะและทูลให้พระเจ้าฟ้าริดุ่นได้พระสติว่า พระโรคเพียงเท่านี้จะหมดทางรักษาจนต้องใช้เลือดเนื้อของไพร่ฟ้าที่เป็นเด็กเชียวหรือ พระองค์จึงงดประหารเด็กชายเสีย ต่อมาพระโรคก็หายเป็นปกติด้วยอำนาจของความกรุณา
เหลี่ยมที่ 2 เล่าว่า พระเจ้าหุมายุนหลงทางในป่า ชาวป่าผู้หนึ่งคั้นน้ำทับทิมถวาย เมื่อเห็นชาวป่าปลูกทับทิมได้ผลมากมาย พระเจ้าหุมายุนก็ทรงคิดจะเริ่มเก็บภาษีทับทิม ครั้นขอให้ชายผู้นั้นคั้นน้ำทับทิมให้อีกผลหนึ่ง ปรากฏว่าไม่มีน้ำสักหยดเดียว พระองค์จึงทรงเลิกความคิดที่จะเก็บภาษีทับทิม ครั้งนี้น้ำทับทิมกลับมีให้เสวยดังเดิม
เหลี่ยมที่ 3 เล่าว่า ขณะประพาสป่า พระเจ้าสันหยันทรงยิงบุตรคนหาฟืนตาย เพราะคิดว่าเป็นกวางป่า บิดาของเด็กไม่ยอมรับทองที่พระเจ้าสันหยันประทานให้เป็นค่าทำขวัญ พระองค์จึงส่งธนูให้เขาฆ่าพระองค์เสีย แต่ชายผู้นั้นทูลปฏิเสธ พระองค์จึงประทานทรัพย์สมบัติให้
เหลี่ยมที่ 4 เล่าว่า พระเจ้าบหรามทรงมีเสนาบดีเป็นคนอธรรม ชอบเบียดเบียนราษฎร ยักยอกราชทรัพย์ และลอบส่งข่าวให้ข้าศึกยกมารุกราน เทวดาจึงนิมิตกายเป็นเด็กเลี้ยงแกะมาเตือนสติให้พระองค์เร่งไต่สวนและลงโทษเสนาบดีผู้นั้น
เหลี่ยมที่ 5 เล่าว่า พระเจ้าเนาวสว่านให้แขวนระฆังไว้ให้ประชาชนมาสั่นเพื่อยื่นฎีกา ล่อตัวหนึ่งมาทูลร้องเรียนว่านายใช้งานหนัก พระราชาจึงเรียกเจ้าของล่อมาตักเตือน ต่อมาหญิงผู้หนึ่งมาทูลว่ามนตรีผู้หนึ่งปลูกเรือนในเขตที่ดินของนาง พระราชาทรงไต่สวนแล้วลงโทษมนตรีผู้นั้น
เหลี่ยมที่ 6 เล่าว่า เศรษฐีผู้หนึ่งขายที่ดินให้เศรษฐีอีกผู้หนึ่ง ต่อมาเมื่อพบว่าในที่ดินนั้นมีสมบัติฝังอยู่ เศรษฐีผู้ซื้อจึงไปบอกให้ผู้ขายมาขนสมบัติไป แต่ผู้ขายปฏิเสธว่าตนไม่มีสิทธิ์แล้ว พระเจ้าเนาวสว่านจึงทรงตัดสินให้เศรษฐีทั้งสองยกลูกชายหญิงให้แต่งงานกันแล้วให้ครอบครองสมบัตินั้น
เหลี่ยมที่ 7 เล่าว่า พระเจ้ามันสูรประชวร ทำให้พระกรรณตึง ไม่ทรงได้ยินเสียงร้องทุกข์ของประชาชนเช่นเคย จึงทรงให้ชาวเมืองที่มีเรื่องเดือดร้อนสวมเสื้อดำเข้าเฝ้าเพื่อเป็นเครื่องหมายแทนคำร้องทุกข์ ด้วยผลบุญแห่งความกรุณา พระกรรณของพระเจ้ามันสูรจึงหายเป็นปกติ (มีนิทานซ้อนเรื่องพระเจ้าอรุ่มทำทานแก่ราษฎร เป็นนิทานที่มนตรีเล่าถวายพระเจ้ามันสูร)
เหลี่ยมที่ 8 เล่าว่า พระเจ้ายินนูทรงนำลูกโจรมาเลี้ยง แล้วตั้งให้เป็นมนตรีชื่อบะดัด บะดัดข่มเหงและเบียดเบียนราษฎร เมื่อถูกไต่สวนก็หนีเข้าป่าไปตั้งกองโจรดักปล้นชาวบ้าน พระเจ้ายินนูจึงทรงสั่งให้จับมาประหารชีวิต และให้ราชครูนำบุตรของบะดัดมาเลี้ยงไว้ เมื่อโตขึ้นบุตรบะดัดสมคบกับพวกของบิดาปล้นและฆ่าราชครูแล้วหนีเข้าป่า พระเจ้ายินนูจึงให้จับตัวมาลงโทษ
เหลี่ยมที่ 9 เล่าว่า พระเจ้าหติมทรงให้ทานแก่ชาวเมืองเดือนละเจ็ดครั้งเป็นประจำจนเป็นที่เลื่องลือว่าไม่ว่าผู้ใดจะทูลขอสิ่งใดก็จะประทานให้ พระเจ้ายามันส่งทูตมาทูลขอพระเศียรพระเจ้าหติมก็ประทานดาบให้ทูตตัดพระเศียรของพระองค์ แต่ทูตทูลปฏิเสธ พระเจ้ายามันและผู้ครองแคว้นทั้งหลายจึงพากันสรรเสริญพระองค์
เหลี่ยมที่ 10 เล่าว่า พระเจ้าวดินสารทรงไว้ชีวิตช่างทองผู้ทำพลอยพระธำมรงค์แตกเป็น 2 เสี่ยง แต่ทรงสั่งประหารชีวิตราชโอรสซึ่งฆ่าเด็กชายผู้หนึ่งเพราะต้องการนกสาลิกาของเด็กผู้นั้น แต่มนตรีทูลคัดค้านไว้ได้
เหลี่ยมที่ 11 เล่าว่า พระราชาองค์หนึ่งมีโอรส 4 องค์จากมเหสีและชายา 4 องค์ ชายาองค์สุดท้ายได้พรจากพระองค์จึงทูลขอให้โอรสของตนเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป เมื่อพระราชาสิ้นพระชนม์แล้ว โอรสองค์เล็กจำเป็นต้องขึ้นครองราชย์ ต่อมาได้แบ่งอาณาจักรเป็น 4 ส่วน ให้เชษฐาทั้งสามองค์ปกครองด้วย
เหลี่ยมที่ 12 เล่าว่า พระเจ้าวิทาทะทรงปลูกมะม่วงพันธุ์ดีไว้ และเพื่อมิให้ผู้ใดนำพันธุ์ไปปลูกได้ จึงทรงสั่งให้เจาะเมล็ดเสียทุกผล ชายผู้หนึ่งอาสาเจ้าแผ่นดินต่างแคว้นเข้าไปลักพันธุ์มะม่วงแล้วปลูกเถาไม้ขมที่โคนต้นมะม่วงและรดด้วยน้ำขมเป็นประจำจนมะม่วงกลายรส เสนาของพระเจ้าวิทาทะจึงแก้ไขด้วยการผสมน้ำผึ้งน้ำตาลลงในดิน แล้วรดด้วยน้ำผสมนมเนย มะม่วงจึงกลับมีรสดีดังเดิม