เนื้อเรื่องของสุธนูกลอนสวดกล่าวถึงท้าวพรหมทัตกษัตริย์เมืองสาวัตถีมีมเหสีชื่อนางเกศนี ประสูติโอรสนามว่าสุธนู
พระสุธนูทรงเชี่ยวชาญการยิงธนู เมื่ออายุได้สิบหกปี พระบิดาก็เตรียมจัดพิธีให้อภิเษกสมรสกับนางกเรณุวดี พระสุธนูขอให้นำม้ามณีกากมาเป็นม้าทรง ขณะพระสุธนูกำลังไปสู่โรงพิธี ม้ามณีกากก็พาพระสุธนูเหาะหนีไปหามเหสีที่งดงามคู่ควรกับพระองค์ ม้ามณีกากพาพระสุธนูเหาะมาถึงเมืองเสตราช มีท้าวเสตราชเป็นเจ้าเมือง มเหสีชื่อประทุมคัพภา และพระธิดาชื่อนางจีรัปภา ผู้มีรัศมีในกายส่องสว่างและมีสิริโฉมงดงามมาก คืนนั้นเมื่อพระสุธนูลอบเข้ามาในตำหนัก นางจีรัปภาเห็นลักษณะพระสุธนูผิดแผกจากชายสามัญจึงตรัสถาม และเกิดต้องใจกัน พระสุธนูประทับอยู่กับนางจีรัปภาในตำหนักเป็นเวลาหลายวัน พี่เลี้ยงนางกำนัลเกรงว่าหากความทราบถึงท้าวเสตราชพวกตนจะถูกลงโทษจึงพากันไปกราบทูลท้าวเสตราช
ท้าวเสตราชทราบก็กริ้วมากรับสั่งให้ตามนางจีรัปภามาเข้าเฝ้า และขอให้พระสุธนูแสดงความสามารถให้ประจักษ์ มิเช่นนั้นจะถูกประหารทั้งคนและม้า พระสุธนูยิงธนูทำลายเครื่องกำบังเจ็ดชั้นไปต้องกวางยนต์ล้มลง ท้าวเสตราชพอพระทัยจึงจัดพิธีอภิเษกให้พระสุธนูกับนางจีรัปภา เวลาผ่านไปพระสุธนูเริ่มรำลึกถึงพระมารดาและพระบิดาจึงลาท้าวเสตราชกลับบ้านเมือง นางจีรัปภาขอตามไปด้วย
ม้ามณีกากพาพระสุธนูและนางจีรัปภาเหาะมาถึงกลางป่าและหยุดพักอาศัยที่ศาลาแห่งหนึ่งม้ามณีกากทูลว่าศาลานี้เป็นของพญายักษ์โกนดัน กลางคืนยักษ์จะมาถามว่าใครจะมาพักก็ให้ขานตอบ ยักษ์จะกลับไป แต่หากไม่ขานตอบจะถูกยักษ์จับกินเป็นอาหาร ด้วยผลกรรมของสองพระองค์ ทำให้เผลอหลับใหลไม่ขานตอบ พญายักษ์จึงจะจับกินเป็นอาหาร ม้ามณีกากก็เข้ามาขัดขวางต่อสู้กับพญายักษ์ พระสุธนูร้องสั่งให้ม้ามณีกากระวังบังเหียน พญาโกนดันรู้ว่าจุดอ่อนของม้ามณีกากอยู่ที่บังเหียนจึงฉวยกุมบังเหียนแล้วนำม้ามณีกากไปขังไว้ที่กรงเหล็กท้ายเมือง
พระสุธนูกับนางจีรัปภาเดินทางต่อไปด้วยความยากลำบากจนมาถึงฝั่งน้ำและอาศัยไปกับเรือสำเภาลำหนึ่ง ด้วยเคราะห์กรรมทำให้เรือสำเภาต้องพายุเกิดอับปางกลางทะเล พระสุธนูอุ้มนางจีรัปภาเกาะไม้กระดานแผ่นหนึ่ง แต่เกิดคลื่นซัดจนไม้กระดานแยกออกจากกันเป็นสองแผ่น พระสุธนูกับนางจีรัปภาจึงพลัดพรากกันไป
นางจีรัปภาถูกคลื่นซัดมาขึ้นฝั่งเมืองอินทปัตและได้ไปพักอาศัยอยู่กับสองตายายซึ่งรักเอ็นดูนางเหมือนลูก นางจีรัปภาหาวิธีที่จะทำให้ได้พบพระสุธนู นางเอาแหวนไปขายนำเงินมาสร้างศาลาบริจาคทาน และจ้างช่างมาเขียนภาพเรื่องราวระหว่างนางกับพระสุธนูไว้ในศาลานั้น โดยมุ่งให้ผู้ที่ได้ชมภาพเขียนบอกต่อ ๆ กันไปจนถึงพระสุธนู นอกจากนี้นางยังสั่งคนเฝ้าศาลาไว้ว่า หากใครชมภาพเขียนแล้วแสดงอาการโศกเศร้าก็ให้พาไปพบนาง ส่วนนางจีรัปภาก็บวชสมาทานศีลภาวนาให้ผลบุญช่วยชักพาให้ได้พบพระสุธนูอีกครั้ง
การพลัดพรากของทั้งสองเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติที่เคยโคลงเรือสามเณร เป็นผลกรรมที่ต้องตามชดใช้ถึงห้าร้อยชาติ พระสุธนูคร่ำครวญถึงนางจีรัปภาด้วยความโศกเศร้าจนไปถึงเมืองของพญายักษ์โกนดันได้พบนางกเรณุวดี ธิดาพระเจ้ากรุงสาวัตถี นางกเรณุวดีเล่าให้ฟังว่าถูกยักษ์โกนดันลักพาตัวมาพร้อมกับธิดากษัตริย์อีกเจ็ดนางให้มาเป็นข้ารับใช้นางอัญชวดีน้องสาวพญายักษ์ พระสุธนูได้นางเหล่านี้เป็นชายา เมื่อพวกนางกลับไปยังปราสาท นางอัญชวดีได้กลิ่นสาปมนุษย์ที่ติดกายนางทั้งเจ็ด ก็คาดคั้นจนได้ความจริง นางอัญชวดีเกิดความเสน่หาพระสุธนู จึงให้ไปเชิญมาที่ปราสาท พระสุธนูจึงได้นางอัญชวดีเป็นชายา ต่อมาพระสุธนูหวนคิดถึงนางจีรัปภาจึงออกอุบายให้นางอัญชวดีขอม้ามณีกากจากพญายักษ์โกนดัน คืนนั้นม้ามณีกากพาพระสุธนูเหาะหนีไป เมื่อมาถึงทานศาลาพระสุธนูทรงแปลงองค์เป็นพราหมณ์เข้าไปบริโภคอาหาร เมื่อเห็นภาพวาดก็โศกเศร้า คนงานจึงพาไปพบนางจีรัปภา นางมอบทรัพย์สมบัติและทานศาลาให้ตากับยาย แล้วพากันกลับเมือง ท้าวพรหมทัตเสด็จออกบวชแล้วยกเมืองสาวัตถีให้พระสุธนูปกครองสืบไป