เมืองวินิศมีชาย 2 คนเป็นเพื่อนรักกันคือแอนตอนนิโอและบัสสานิโอ เมื่อบัสสานิโอเตรียมเดินทางไปแต่งงานกับนางปอเทียธิดาเศรษฐีเมืองเบละมอน แต่ไม่มีเงินจึงไปขอยืมเงินแอนตอนนิโอ 3,000 ตำลึง แอนตอนนิโอกำลังเงินขาดมือเนื่องจากเรือกำปั่นที่นำสินค้าไปขายยังไม่กลับมา แอนตอนนิโอจึงไปกู้เงินจากไชล็อกเศรษฐียิว ไชล็อกคิดแค้นแอนตอนนิโอที่ให้คนกู้เงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยหรือถ้าจะคิดก็คิดแต่น้อยจึงให้แอนตอนนิโอกู้เงินโดยทำสัญญาว่า หากถึงกำหนดใช้หนี้แล้วแอนตอนนิโอไม่มีเงินมาใช้ จะต้องยอมให้เชือดเอาเนื้อหนักแปดตำลึง
เรือกำปั่นของแอนตอนนิโอถูกพายุพัดไม่สามารถกลับมาตามกำหนดที่ตกลงไว้กับไชล็อก ไชล็อกจึงจะเชือดเนื้อตามสัญญา นางปอเทียซึ่งแต่งงานกับบัสสานิโอแล้วจึงมอบเงิน 3,000 ตำลึงให้บัสสานิโอใช้คืนไชล็อก แต่ไชล็อกยืนยันจะเชือดเนื้อแอนตอนนิโอตามสัญญา
นางปอเทียปลอมเป็นทนายหนุ่มชื่อบัลทะสาไปว่าความให้แอนตอนนิโอ และให้ไชล็อกเชือดเนื้อให้ได้น้ำหนัก 8 ตำลึงโดยมิให้มีเลือดแม้แต่หยดเดียว ถ้าทำให้แอนตอนนิโอตายจะต้องปรับให้ไชล็อกตายตกไปตามกัน ไชล็อกตกใจจึงจะขอรับเงิน 3,000 ตำลึงคืนแทน บัลทะสาประกาศว่าตามกฎหมายเมืองวินิศผู้ที่อาฆาตปองร้ายผู้ใดจะต้องถูกประหารและถูกริบทรัพย์ แต่เจ้าเมืองยกโทษประหารให้แต่ให้ริบทรัพย์ ส่วนหนึ่งให้เข้าคลังของเมือง อีกส่วนหนึ่งให้เป็นค่าทำขวัญแก่แอนตอนนิโอ ก่อนลากลับบัลทะสาขอแหวนจากบัสสานิโอแทนค่าว่าความ แหวนนั้นนางปอเทียเคยให้บัสสานิโอไว้เป็นที่ระลึก
เมื่อบัสสานิโอและแอนตอนนิโอเดินทางไปพบนางปอเทียที่เมืองเบละมอน นางถามถึงแหวนที่เคยให้ไว้ บัสสานิโอเล่าความไปตามจริงแต่นางไม่เชื่อ แอนตอนนิโอจึงช่วยเป็นพยานยืนยัน ในที่สุดก็รู้ว่าทนายหนุ่มผู้นั้นคือนางปอเทียปลอมตัวไป
ธรรมาภิมณฑ์, หลวง. วินิศวานิชคำฉันท์, กรุงเทพฯ: โสภณพิพรรฒธนากร, 2470. แจกในการพระกฐินพระราชทาน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภาณุพงศ์พิริยเดช ณ วัดสัมพันธวงศ์