เอ๋งติ๋งห้าวและอ๊าวติ๋งโฮ่งเป็นโอรสท้าวอุดมโคตร วันหนึ่งโหรทำนายว่าทั้งสองเป็นภัยต่อบ้านเมือง พระบิดาจึงให้เนรเทศไป ทั้งสองฝากตัวเป็นศิษย์ของพระฤๅษี เมื่อสำเร็จวิชาก็ขโมยของมีค่าของพระฤๅษีแล้วหนีไป เมื่อเอ๋งติ๋งห้าวและอ๊าวติ๋งโฮ่งเดินทางไปถึงเมืองแกบแมมแมวของท้าวถิ่งโยนโกก ได้ข่าวว่านางสังขะอู๊ดธิดาท้าวถิ่งโยนโกกอยากเสวยน้ำตับช้างก็อาสาล้มช้างให้ ทั้งสองจึงมีโอกาสได้รู้จักนางสังขะอู๊ด ต่อมาท้าวหยีแย่กับกับเจ้าเมืองกุดกู่ส่งทูตไปสู่ขอนางสังขะอู๊ด แต่ท้าวถิ่งโยนโกกปฏิเสธ ทั้งสองฝ่ายจึงต้องทำสงครามกัน เอ๋งติ๋งห้าวและอ๊าวติ๋งโฮ่งอาสาออกรบ ท้าวหยีแย่กับกับถูกจับได้ แต่เอ๋งติ๋งห้าวและอ๊าวติ๋งโฮ่งช่วยทูลขออภัยโทษไว้ ท้าวหยีแย่กับกับจึงยกธิดาชื่อกะจ๋องป๋องให้อ๊าวติ๋งโฮ่ง ส่วนเอ๋งติ๋งห้าวได้อภิเษกกับนางสังขะอู๊ด ต่อมาท้าวถิ่งโยนโกกกับท้าวหยีแย่กับกับออกบวชเป็นชีเปลือย เอ๋งติ๋งห้าวและอ๊าวติ๋งโฮ่งจึงได้ครองราชสมบัติแทนพระสสุระ (พ่อตา) ของตน
เอ๋งติ๋งห้าว , อ๊าวติ๋งโฮ่ง , ท้าวอุดมโคตร , เมืองแกบแมมแมว , ขโมยของวิเศษ , ท้าวถิ่นโยนโกก , นางสังขะอู๊ด , ออกรบ
ตีพิมพ์ครั้งแรกที่โรงพิมพ์วัดเกาะเมื่อ พ.ศ. 2435 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสืบหานามจริงของผู้แต่งไว้ในหนังสือสาส์นสมเด็จฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ว่า “ผู้แต่งชื่อนายเสม เปนพี่เลี้ยงกรมหมื่นกวีพจน์” นิทานเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อความสนุกสนานดังที่ตลกโวหารกล่าวว่า “ไว้ดูเล่นเป็นกระแสแก้รำคาญ แม้นใครอ่านขอษมาบรรดาฟัง ด้วยจงจิตคิดเล่นเห็นสนุก พอแก้ทุกข์ตามประสาเหมือนบ้าหลัง”
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory