ครั้งหนึ่งพระอุมาขอให้พระอิศวรเล่าเรื่องที่น่าฟังและเป็นเรื่องใหม่ พระศิวะจึงเล่าประวัติของพระอุมาว่าครั้งที่พระนารายณ์อวตารเป็นพระอุมาธิดาพระทักษประชาบดี วันหนึ่งพระทักษประชาบดีทำพิธียัชญกรรมและเชิญบุตรเขยทั้งหมดยกเว้นพระศิวะเพราะพระองค์ “สวมสังวาลกะบาลคน” พระอุมาน้อยพระทัยจึง “ละทิ้งสรีระ” ไปเกิดเป็นธิดาท้าวหิมาลัยและได้เป็นพระชายาของพระอิศวรอีก
เมื่อทรงเล่าจบแล้ว พระศิวะก็ทรงเล่าเรื่องวิทยาธร 7 ตน ขณะนั้นบุษปทนต์เทพรับใช้มาแอบฟังแล้วไปเล่าให้นางชยาภรรยาฟัง นางชยาเล่าเรื่องนั้นถวายพระอุมา พระอุมากริ้วจึงสาปบุษปทนต์ให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ มาลยวัตสหายของบุษปทนต์ทูลขออภัยโทษแทนจึงถูกสาปไปด้วย พระอุมาตรัสว่าบุษปทนต์จะระลึกชาติได้เมื่อพบกาณภูติยักษ์ซึ่งถูกสาปให้ปีศาจ และจะพ้นคำสาปเมื่อเล่าเรื่องที่ได้แอบฟังนั้นแก่กาณภูติ ส่วนกาณภูติจะพ้นคำสาปเมื่อเล่าเรื่องนี้ให้มาลยวัตฟัง และมาลยวัตจะพ้นคำสาปเมื่อได้เผยแพร่เรื่องดังกล่าว พระศิวะให้บุษปทนต์ไปเกิดที่นครเกาศามพี มีชื่อว่าวรรุจิ ส่วนมาลยวัตให้ไปเกิดที่พระนครสุประดิษฐิต มีชื่อว่าคุณาฒัย
วรรุจิลงมาเกิดในวรรณะพราหมณ์ เมื่อยังเด็กได้ฟังพระเวทจากพราหมณ์ชื่อวรรษ วรรุจิสามารถจำวิชาได้เมื่อได้ฟังเพียงครั้งเดียว เมื่อเจริญวัยเขาได้เป็นมนตรีของท้าวนนท์แห่งนครปาฏลิบุตร และได้แต่งงานกับนางอุปโกศาธิดาพราหมณ์อุปวรรษ ครั้งหนึ่งวรรุจิประลองความรู้กับปาณินิศิษย์อีกคนหนึ่งของพราหมณ์วรรษ ปาณินิบำเพ็ญตบะ ณ แดนหิมาลัยจนได้รับคัมภีร์ไวยากรณ์อย่างใหม่จากพระศิวะ ในวันที่ 8 ของการประลอง มีเสียงพระศิวะจากท้องฟ้าทำให้วรรุจิพ่ายแพ้ เขาเสียใจมากจึงสละทรัพย์ไปบำเพ็ญตบะบูชาพระศิวะที่ภูเขาหิมาลัย ส่วนนางอุปโกศาถือพรหมจรรย์อยู่ที่บ้านอย่างเคร่งครัดและทำนิตยพรตสนานกายในแม่น้ำคงคาทุกวัน
ต่อมาท้าวนนท์สิ้นพระชนม์ พราหมณ์อินทรทัตต์ถอดจิตเข้าร่างท้าวนนท์ซึ่งเรียกว่าท้าวโยคนันท์ วันหนึ่งท้าวโยคนันท์ระแวงว่าวรรุจิมีสัมพันธ์กับชายาของตน จึงสั่งให้มนตรีชื่อศักฎาลฆ่าเขาเสียแต่เพราะวรรุจิมีผู้มีบุญคุณต่อศักฎาลมาก่อน ศักฎาลจึงให้วรรุจิไปหาที่ซ่อน เวลาผ่านไปโอรสท้าวโยคนันท์ถูกสาปเพราะทำผิด ท้าวโยคนันท์ตรัสว่าถ้าวรรุจิยังมีชีวิตอยู่ก็จะช่วยได้ ศักฎาลจึงนำตัววรรุจิมาเฝ้า วรรุจิช่วยให้โอรสท้าวโยคนันท์พ้นคำสาปได้
เมื่อกลับถึงบ้านวรรุจิได้รู้ว่านางอุปโกศาโจนกองเพลิงเสียชีวิตเพราะได้ข่าวว่าตนถูกประหาร วรรุจิจึงออกบำเพ็ญพรตและไปทำตบะกรรมบูชาพระอุมาที่เทวาลัย พระอุมาเสด็จมาเข้าฝัน บอกให้วรรุจิไปพบกาณภูติที่เขาวินธัย เมื่อได้พบปีศาจกาณภูติ วรรุจิระลึกชาติได้และได้เล่านิยาย 7 เรื่องให้กาณภูติฟัง และบอกให้กาณภูติรออยู่นั่นจนกว่าจะพบพราหมณ์ชื่อคุณาฒัย ส่วนเขาเดินทางไปสู่สถานอันวิเวกเพื่อถอดร่างมนุษย์ออก
มาลยวัตมาเกิดเป็นคุณาฒัย เมื่อเจริญวัยได้เป็นมนตรีของท้าวสาตวาหนะ ครั้งหนึ่งท้าวสาตวาหนะต้องการศึกษาไวยากรณศาสตร์ คุณาฒัยรับอาสาถวายวิชาใน 6 ปี แต่มนตรีชื่อศรรพวรมันขอถวายให้สำเร็จใน 6 เดือน คุณาฒัยขุ่นเคืองจึงสาบานว่า ถ้าศรรพวรมันทำสำเร็จ เขาจะเลิกใช้ภาษาสันสกฤต ปรากฤต ซึ่งเป็นภาษามนุษย์ ส่วนศรรพวรมันบอกว่าถ้าตนทำไม่สำเร็จจะทูนรองเท้าของคุณาฒัยไว้ 12 ปี แล้วศรรพวรมันก็ไปบำเพ็ญพรตขอพรจากพระสวามิกุมาร (โอรสพระศิวะ) ได้สำเร็จ จึงสามารถวายวิชาความรู้แก่ท้าวสาตวาหนะได้ในเวลาอันรวดเร็ว
คุณาฒัยไปบำเพ็ญตบะที่เทวาลัยของพระอุมา พระอุมามาเข้าฝันบอกให้ไปหากาณภูติที่เขาวินธัย ขณะเดินทางเขาได้เรียนรู้ภาษาปีศาจ จนได้พบกาณภูติ เมื่อทักทายกาณภูติด้วยภาษาปีศาจคุณาฒัยจึงระลึกชาติได้ กาณภูติเล่านิยายทั้งเจ็ดเป็นภาษาปีศาจให้คุณาฒัยฟัง คุณาฒัยบันทึกนิยายนั้นเป็นภาษาปีศาจโดยใช้โลหิตของตน เมื่อกาณภูติเห็นนิยายก็พ้นคำสาป คุณาฒัยต้องการเผยแพร่นิยายเพื่อจะได้พ้นคำสาป ศิษย์ของเขา 2 คนจึงแนะนำให้ถวายนิยายนั้นแก่ท้าวสาตวาหนะ คุณาฒัยให้ศิษย์ทั้งนำนิยายไปถวาย แต่ท้าวสาตวาหนะตรัสปรามาสว่าเป็นภาษาผีและตัวอักษรเขียนด้วยโลหิตจึงไม่ทรงรับไว้ คุณาฒัยรู้สึกเจ็บใจหยิบหนังสือขึ้นมาทีละแผ่น อ่านให้ฝูงสัตว์ฟัง แล้วโยนเข้ากองไฟ ยกเว้นเรื่องประวัติของนรวาหนะทัตต์ซึ่งศิษย์ทั้งสองอยากได้
ต่อมาท้าวสาตวาหนะประชวรเพราะเสวยเนื้อสัตว์ที่ “ปราศจากโอชะให้โทษ” เมื่อทรงทราบว่าเหล่าสัตว์นั้นพากันไปฟังพราหมณ์ผู้หนึ่งอ่านนิยายจนไม่กินอาหาร พระองค์ก็เสด็จไปพบคุณาฒัยแล้วตรัสถามเรื่องราว คุณาฒัยเล่าเรื่องที่ตนกับบุษปทนต์ต้องคำสาป ท้าวสาตวาหนะตรัสขอนิยายทิพย์นั้นที่ออกจากโอษฐ์ของพระศิวะนั้น คุณาฒัยทูลว่าได้เผาเสียเกือบหมดแล้ว ท้าวสาตวาหนะจึงขอนิยายส่วนที่เหลือ เมื่อคุณาฒัยถวายก็พ้นสาป ละทิ้งร่างมนุษย์กลับสู่ทิพยสถาน
เรื่องที่บุษปทนต์ได้ฟังจากพระศิวะและที่กาณภูติ คุณาฒัย และท้าวสาตวาหนะได้ฟังต่อมาเป็นเรื่องวิทยาธรต่าง ๆ ดังนี้
1. เรื่องท้าวสหัสรานีกะ เป็นเรื่องของพระราชากรุงเกาศามพีซึ่งพลัดพรากกับพระชายาเป็นเวลา 14 ปี ในเรื่องนี้มีนิทานซ้อนอยู่ 3 เรื่อง คือ
1.1 เรื่องพราหมณ์ศรีทัตต์ เป็นเรื่องของพราหมณ์ซึ่งเกิดจาก “ความโปรดแห่งพระศรีเทวี” และพระเทวีหรือพระอุมาทรงกำหนดว่าจะเป็นผู้ครองแผ่นดินและต้องพลัดพรากจากผู้เป็นที่รัก
1.2 เรื่องนางรูปิณิกา เป็นเรื่องของหญิงสาวซึ่งรักกับชายยากจนแต่ถูกแม่กีดกัน ชายหนุ่มจึงทำการต่าง ๆ เพื่อแก้แค้น
1.3 เรื่องนางเทวสมิตตา เป็นเรื่องของหญิงที่ซื่อสัตย์ต่อสามี เมื่อต้องพลัดพรากจากสามีนางรอดพ้นจากชายชั่วได้เพราะความฉลาด ในเรื่องนี้มีนิทานซ้อน 3 เรื่อง คือ
1.3.1 เรื่องเจ้าชันตุผู้ราชบุตร เป็นเรื่องของพระราชาซึ่งมีพระประสงค์จะมีโอรสหลายองค์ จึงประหารโอรสองค์แรกแล้วเอามังสะบูชาไฟตามคำแนะนำของพราหมณ์
1.3.2 เรื่องนางสิทธิกรีเจ้าเลศ เป็นเรื่องของหญิงที่ใช้ความเจ้าเล่ห์หาทรัพย์ได้จำนวนมาก
1.3.3 เรื่องนางศักติมดี เป็นเรื่องของหญิงที่ช่วยสามีให้พ้นจากการถูกลงโทษได้ด้วยสติปัญญา
2. เรื่องพระอุทยนหรือวัตสราชอุทยน เป็นเรื่องของโอรสท้าวสหัสรานีกะซึ่งประสงค์จะได้นางวาสวทัตตา ธิดาท้าวจัณฑมหาเสนเป็นชายาและก็ได้ตามประสงค์ด้วยการสวดอ้อนวอนพระอุมา ในเรื่องนี้มีนิทานซ้อนอยู่ 2 เรื่องคือ
2.1 เรื่องเด็กพิการ เป็นเรื่องของเด็กซึ่งทำความเดือดร้อนให้ผู้ที่ทำให้เขาเคืองใจ
2.2 เรื่องรุรุ เป็นเรื่องของชายซึ่งภรรยาถูกงูพิษกัดตายจึงฆ่างูทุกตัวที่พบเพราะคิดว่าอาจเป็นตัวที่กัดภรรยา
3. เรื่องท้าวจัณฑมหาเสน เป็นเรื่องของกษัตริย์แห่งนครอุชชยินีซึ่งได้พระขรรค์วิเศษด้วยการบูชาพระอุมา ไม่เสวยพระกระยาหาร และทรงเชือดมังสะบูชาไฟ