พระเจ้าเมี่ยวจวงเป็นประมุขของอาณาจักรซิงหลิน เป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่เพราะการทำสงคราม มีพระธิดา 3 องค์ สององค์แรกมีคู่ครองที่เหมาะสม ส่วนองค์เล็กคือเมี่ยวซันไม่มีคู่ครอง พระเจ้าเมี่ยวจวงประสงค์จะให้เมี่ยวซันมีคู่ครอง แต่นางขอบวชเพื่อล้างบาปของพระบิดาและปรารถนาจะไปสู่แดนนิพพาน พระเจ้าเมี่ยวจวงกริ้ว จะให้ประหารชีวิต แต่พระมเหสีขอชีวิตไว้ พระเจ้าเมี่ยวจวงจึงให้เมี่ยวซันใส่เครื่องทรงสีขาวไปประทับในอุทยานด้วยหวังว่าวันหนึ่งพระธิดาจะเปลี่ยนพระทัย แต่ก็ไม่เป็นไปดังหวัง
ในที่สุดพระเจ้าเมี่ยวจวงคิดอุบายได้จึงบอกภิกษุณีเจ้าอาวาสอารามแห่งหนึ่งว่าอนุญาตให้เมี่ยวซันบวชเป็นภิกษุณีได้แต่จะต้องให้ทำงานที่หนักที่สุด เมี่ยวซันได้เป็นภิกษุณีและยินดีทำงานหนัก แต่เมื่อจะทำงานใดเทวดาก็เข้าช่วยเหลือ ขณะที่เมี่ยวซันเจริญภาวนาก็มีเสียงเทพกระซิบเข้าไปในวิหารและระฆังดังก้องกังวานขึ้นเอง เจ้าอาวาสกลัว สั่งให้ภิกษุณีรูปหนึ่งไปทูลพระเจ้าเมี่ยวจวงว่าไม่สามารถสั่งให้นางภิกษุณีทำงานหนักได้ตามบัญชา พระเจ้าเมี่ยวจวงสั่งให้แม่ทัพฮูบีหลีไปเผาอารามเพื่อสังหารเมี่ยวซันและภิกษุณีทั้งหลาย เมี่ยวซันระลึกถึงพระพุทธคุณ ทำให้เกิดฝนตกลงมาดับไฟ เมื่อพระเจ้าเมี่ยวจวงทรงรู้เรื่องก็กริ้ว พระมเหสีทรงให้สติว่าไม่ควรต่อต้านอำนาจเหนือสามัญ จึงให้พระธิดาประทับในอุทยานที่มีความสวยงามและความบันเทิงเพื่อให้นางลืมพระพุทธเจ้าและความทุกข์ของโลก แต่การณ์มิได้เป็นไปตามพระประสงค์ พระเจ้าเมี่ยวจวงจึงสั่งฮูบีหลีให้นำพระธิดาไปประหาร แต่ดาบของฮูบีหลีกลับหักสะบั้น ฮูบีหลีสั่งให้ใช้ไหมสีทองพันรอบพระศอ เมี่ยวซันจึงสิ้นชีวิต
เมี่ยวซันลอยเลื่อนไปในอากาศซึ่งมีแต่ความมืดและความเงียบ เธอไม่สะดุ้งกลัวแต่กลับบำเพ็ญภาวนาทำให้บาปหมดไป และบูชารำลึกถึงพระพุทธเจ้าขอให้ทรงบันดาลให้สรรพสัตว์เปลี่ยนใจมาทางธรรม ด้วยอำนาจแห่งกุศลกรรมความมืดเปลี่ยนเป็นความสว่างและมีเสียงพระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาโปรดสัตว์อยู่ เทพทูลว่าเมี่ยวซันยังต้องทำหน้าที่ในโลก ให้กลับเข้าร่างซึ่งเทพารักษ์นำไปไว้ในป่าสน
ต่อมาเมี่ยวซันปรารถนาจะแสวงหาความรู้แจ้ง เธอได้พบชายหนุ่มรูปงามและกิริยาดีคนหนึ่งจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายคนนั้นฟัง เขาชวนให้เธออยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยา เมี่ยวซันโกรธมากและกล่าวถึงความปรารถนาของเธอ ทันใดนั้นรอบกายชายหนุ่มก็ปรากฏรัศมีสีขาว เสื้อผ้ากลายเป็นทอง ชายผู้นั้นแสดงตนว่าเป็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาเพื่อทดสอบเมี่ยวซันและเพื่อพานางไปสู่เกาะศักดิ์สิทธิ์แห่งทะเลตะวันออกซึ่งนางจะได้สำเร็จพระโพธิญาณ
เมื่อมาถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์เมี่ยวซันก็สมาทานพรต ขอให้บุญบารมีขจัดความทุกข์โศกจากกามกิเลสในอาณาจักรซิงหลิน นางเจริญภาวนาเป็นเวลา 9 ปี ความทุกข์หายไปหมดสิ้น วันหนึ่งขณะที่บำเพ็ญภาวนาก็บังเกิดญาณรู้แจ้ง สามารถเห็นแดนที่ไม่สิ้นสุดแห่งจักรวาล และขณะใกล้เสวยพระนิพพาน เมี่ยวซันได้ยินเสียงปริเทวนาของสรรพสัตว์จึงไม่ได้เข้าสู่นิพพาน แต่จะเป็นพระโพธิสัตว์เพื่อช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ พระอรหันต์รู้ว่าเมี่ยวซันบรรลุโพธิญาณจึงเชิญเป็นประมุขของเกาะศักดิ์สิทธิ์ มีธิดาพระยานาคเป็นสาวกและมีภิกษุหนุ่มซันไฉ่รับใช้
วันหนึ่งขณะที่เมี่ยวซันประทับบนปัทมอาสน์เพชรเห็นพระบิดาคือพระเจ้าเมี่ยวจวงประชวรหนักจึงสั่งให้ซันไฉ่ไปทูลพระบิดาว่าการรักษาโรคต้องใช้น้ำมันจากแขนและตาของมนุษย์ และให้ซันไฉ่ดลใจให้พระบิดาสละราชสมบัติแล้วเสด็จมาที่เกาะเพื่อที่นางจะได้โปรดบุพการีทั้งสอง บุตรเขยทั้งสองของพระเจ้าเมี่ยวจวงรู้เรื่องก็คิดจะให้คนสนิทกำจัดซันไฉ่และวางแผนปลงพระชนม์พระเจ้าเมี่ยวจวงเพื่อตนได้ครองราชสมบัติ แต่ซันไฉ่ล่วงรู้ได้ด้วยญาณพิเศษ ในที่สุดบุตรเขยทั้งสองถูกลงโทษประหารชีวิต ส่วนพระธิดาทั้งสองนั้นพระมารดาทูลขอชีวิตไว้ พระเจ้าเมี่ยวจวงจึงสั่งให้ถอดยศและให้ขังไว้
ต่อมาเจาเจนและลินฉีนทหารคนสนิทของพระเจ้าเมี่ยวจวงนำเครื่องยาที่ได้จากมือและดวงตามนุษย์จากเกาะศักดิ์สิทธิ์มาผสมเป็นน้ำมันยาทาพระกายด้านซ้ายทำให้แผลมะเร็งหายสนิท ซันไฉ่ทูลพระเจ้าเมี่ยวจวงว่าพระโรคของพระองค์เกิดจากกรรมชั่วและน้ำมันนั้นได้มาด้วยการเสียสละและความรัก พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงรู้สึกถึงบุญคุณของซันไฉ่จึงตั้งให้เป็นรัชทายาทแห่งราชอาณาจักรซิงหลินแต่ภิกษุซันไฉ่ปฏิเสธและขอให้พระเจ้าเมี่ยวจวงครองอาณาจักรด้วยความเที่ยงธรรมและมีความเมตตากรุณา ภายหลังเจาเจนทูลว่าผู้ที่สละอวัยวะคือพระโพธิสัตว์เมี่ยวซัน พระเจ้าเมี่ยวจึงศึกษาและปฏิบัติธรรม ถวายชีวิตไว้ในพุทธศาสนา และทรงขอเป็นศิษย์ของภิกษุซันไฉ่ ทรงให้นำของมีค่าจากการทำสงครามไปบริจาค ผ่านไป 3 ปี จึงทรงประกาศสละราชบัลลังก์ แล้วเดินทางไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์พร้อมพระมเหสี พระธิดาทั้งสอง และผู้ตามเสด็จจำนวนมาก แต่ด้วยอกุศลกรรมของพระเจ้าเมี่ยวจวงทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของซันไฉ่และคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าทำดีย่อมได้ดีมีสุข พระธิดาทั้งสองก็ตัดพ้อเรื่องความใจร้ายของพระบิดา เจาเจนจึงเตือนสติทำให้ทุกพระองค์อโหสิกรรมแก่กัน พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ทุกคนรอดชีวิต ในที่สุดทั้งหมดก็เดินทางถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์ซึ่งภิกษุซันไฉ่รอต้อนรับอยู่
เมื่อเข้าไปในวิหารทุกคนเห็นพระโพธิสัตว์เมี่ยวซันประทับบนปัทมอาสน์เพชร ไม่มีพระเนตรและพระกร ต่างก็โศกสลด พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงอธิษฐานว่าถ้าการสละมือและดวงตาไม่ได้ทำให้พระโพธิสัตว์เมี่ยวซันเสียพระทัยก็ขอให้พระวรกายของพระองค์สมบูรณ์ดีเหมือนเดิม เมื่อสิ้นสุดคำอธิษฐานพระโพธิสัตว์ก็มีพระเนตรและพระกรครบสมบูรณ์ พระโพธิสัตว์เมี่ยวซันบันดาลให้ทุกพระองค์เห็นภาพสวรรค์ โลกต่าง ๆ และนรก ได้เฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับบนแท่นปัทมอาสน์แห่งสวรรค์ และเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาทุกพระองค์ก็รู้แจ้ง ปรารถนาที่จะช่วยให้สรรพสัตว์ในจักรวาลหลุดพ้นจากกิเลสและความหลง และได้ทำสมาธิเผาสิ่งที่เป็นราคีในตนให้หมดไป ทุกพระองค์ปรากฏรูปขึ้นใหม่เป็นกายทองประดิษฐานอยู่บนปัทมอาสน์มณีหน้าพระพุทธเจ้าในชั้นในที่สุดแห่งพุทธมณฑล พระพุทธเจ้าประทานฉายาให้เมี่ยวซันว่าพระโพธิสัตว์ผู้ประกอบด้วยมหาการุณย์และมหาทยาธิคุณ พระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ ทั้งพระเจ้าเมี่ยวจวง พระมเหสี และพระธิดาทั้งสองก็ได้ฉายาต่างๆ กันไป
เสฐียรโกเศศ [พระยาอนุมานราชธน]. “กวนอิม พระโพธิสัตว์แห่งการุณย์”. ใน ไทย-จีน, หน้า 275-451. นครหลวงกรุงเทพธนบุรี: บรรณาคาร, 2515.