ขงจู๊เกิดทางตะวันตกของมณฑลชานตุงในประเทศจีนก่อนพุทธศักราช 8 ปี ในสมัยราชวงศ์จิวซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ 3 ในพงศาวดารจีนและเป็นสมัยที่ราชวงศ์จิวเสื่อมเดชานุภาพ เจ้านครมีอำนาจเป็นอิสระแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า มีการสู้รบกัน ราษฎรมีแต่ความลำบากยากแค้น ขงจู๊เสียชีวิตเมื่อ พ.ศ.65
ขงจู๊รับราชการทหารอยู่ระยะหนึ่งแต่เมื่อมารดาเสียชีวิตก็ลาพักราชการเพื่อไว้ทุกข์ตามประเพณีและไม่ได้กลับเข้ารับราชการอีก เขาใช้เวลาไปในการศึกษาและสั่งสอนประชาชนจนมีชื่อเสียงและมีศิษย์เป็นจำนวนมาก ขณะนั้นประเทศจีนมีแต่ความระส่ำระสาย คณาจารย์ที่มีชื่อเสียงคิดหาวิธีที่จะทำให้ประเทศเกิดความสงบสุข ขงจู๊คิดว่าการแก้ปัญหานั้นจะต้องหาสาเหตุให้ได้เสียก่อน และคิดว่าการศึกษาประวัติศาสตร์จะช่วยได้ เขาจึงตั้งใจศึกษาประวัติศาสตร์และพยายามสั่งสอนประชาชนให้ปฏิบัติดีเหมือนเมื่อครั้งประเทศมีความสงบสุข และให้ปฏิบัติตามหลักของพระเจ้าบุนอ๋องและพระเจ้าบูอ๋องซึ่งเป็นผู้ฟื้นฟูประเทศและทำให้ประชาชนมีความร่มเย็นเป็นสุข
ขงจู๊เห็นว่าการแก้ไขฟื้นฟูประเทศต้องใช้ศีลธรรมเท่านั้น เขาสอนว่าสิ่งสำคัญที่บุคคลพึงปฏิบัติก็คือ มีความสุภาพเรียบร้อย เคารพจารีตประเพณีที่สืบต่อกันมา รู้จักคุณบิดามารดา และต้องรับใช้ประเทศชาติ เขาสอนถึงการเป็นเจ้าเมืองว่าจะต้องไม่ทะนงตนว่ามีไพร่พลมาก จะทำการสิ่งใดต้องไตร่ตรองให้ดี ให้รักราษฎรเหมือนบุตรและต้องใช้คนให้เป็น สอนเรื่องการปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในบ้านและเมื่ออยู่ในสังคม ตลอดจนเรื่องการคบคน นอกจากนั้นยังกล่าวถึงประเทศชาติว่าถ้าขาดความสามัคคีก็จะมีแต่ความพินาศ
เสฐียรโกเศศ [พระยาอนุมานราชธน]. “กำเนิดขงจู๊”. ใน ไทย – จีน, หน้า 199 – 210. นครหลวง กรุงเทพธนบุรี: บรรณาคาร, 2515.