ในห้องโดยสารชั้นที่ 1 ของขบวนรถไฟสายสก๊อตมีผู้โดยสาร 6 คน ได้แก่ นายพลฟ๊อกส์ นายร้อยเอกฮิลละรี นายเรือเอกแม๊ตทิวส์ ทหารออสเตรเลีย 2 นาย และมิสเตอร์ วอลเตอร์ส ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน ระหว่างทางทุกคนสนทนากันถึงความเปลี่ยนแปลงของการเดินทางในช่วงก่อนสงครามกับในขณะนี้ซึ่งมีสงครามอยู่ ประโยชน์ของเขตห้ามในจังหวัดทหาร และความยากง่ายของการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง
เมื่อถึงสถานีแห่งหนึ่งนายพลฟ๊อกส์ก็ลงไป จากนั้นมีผู้พบซองจดหมายขาดซองหนึ่งเป็นของเยอรมัน มีข้อความระบุนามว่า “สไตน” และมีที่อยู่คือ “เคอนิคสต๎ร๊าสเสะ 13, เคอล๎น.” ทุกคนเข้าใจว่าเป็นซองของจารบุรุษที่เข้ามาสอดแนม แต่ก็ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นเจ้าของ นายทหารออสเตรเลียคนหนึ่งสันนิษฐานถึงผู้เป็นเจ้าของไว้ 3 กรณี คือ 1) ซองนั้นเป็นของนายพลฟ๊อกส์ 2) ซองนั้นอาจตกอยู่บนรถไฟก่อนที่ทุกคนจะขึ้นมา และ 3) ซองนั้นเป็นของใครคนหนึ่งในกลุ่ม แต่นายร้อยเอกฮิลละรีช่วยยืนยันว่านายพลฟ๊อกส์เป็นนายพลจริงๆ เมื่อไม่สามารถหาผู้เป็นเจ้าของได้ ทั้งห้าคนจึงสัญญากันว่าจะไปลงพร้อมกันที่แลร์ก
เมื่อรถไฟออกไปได้ระยะหนึ่ง มิสเตอร์ วอลเตอร์ส เกิดเปลี่ยนใจจะลงที่สถานีตำบลเตน และยืนยันว่าตนเป็นข้าราชการจริง ทุกคนอนุญาต มีเพียงนายร้อยเอกฮิลละรีเท่านั้นที่คัดค้านและขู่จะเรียกเจ้าพนักงานรถไฟมาจับตัว มิสเตอร์ วอลเตอร์ส จึงไม่ได้ลงที่สถานีที่ต้องการ กระทั่งถึงสถานีบอนาร์บริดจ์ ทุกคนจึงตกลงกันจะลงไปซื้อน้ำชาโดยมีข้อแม้ว่า “ต้องอย่าไปให้พ้นสายตากันแลกัน”
รถไฟวิ่งต่อไปอีกหลายสถานีแต่แล้วก็หยุดวิ่ง นายทหารออสเตรเลียมองไปที่หน้าต่างแล้วร้องขึ้นว่าเกิดเหตุร้ายและชวนทุกคนลงจากรถไฟ แต่มิสเตอร์ วอลเตอร์ส ห้ามไว้พร้อมชักปืนขู่ให้ทุกคนยกมือ แล้วสั่งให้นายร้อยเอกฮิลละรีตบฝาประจันห้องเป็นสัญญาณ ไม่นานมีผู้เปิดประตูขึ้นมา เป็นพลเรือน ๒ คน และทหารในเครื่องแบบอีก ๓-๔ คน มิสเตอร์ วอลเตอร์ส สั่งให้จับทหารออสเตรเลียทั้งสองกับนายเรือเอกแม๊ตทิวส์ไป ทุกคนจึงรู้ว่ามิสเตอร์ วอลเตอร์สเป็นตำรวจลับปลอมตัวมา
เมื่อนายร้อยเอกฮิลละรีถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าทั้งสามเป็นจารบุรุษ มิสเตอร์ วอลเตอร์ส ตอบว่าได้ข่าวแจ้งมาว่ามีจารบุรุษปลอมเป็นทหารเล็ดลอดเข้ามาโดยรถไฟ เมื่อทั้งสามคนชำเลืองตาให้สัญญาณกันขณะที่ตนจะขอลงที่สถานีตำบลเตน จึงแน่ใจว่าทั้งสามเป็นจารบุรุษ จากนั้นมิสเตอร์ วอลเตอร์ส ก็บอกเหตุที่พบซองหนังสือชำรุดว่ามีผู้แกล้งทำตกเพื่อกันไม่ให้คนในรถแยกย้ายไป และที่ต้องทำให้ซองขาดก็เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่าซองนั้นไม่มีตั๋วไปรษณีย์กับดวงตราเยอรมันมาแต่เดิม เมื่อรู้เหตุผลทั้งหมดแล้วนายร้อยเอกฮิลละรีก็กล่าวขึ้นว่า “อ้ายสามคนนั่นป่านนี้เห็นจะกำลังต่างคนต่างนึกฉงนอยู่ว่าคนไหนในพวกมันได้สำแดงความโง่ระยำเช่นนั้น!”