ซิซิล ฮอลโกม หนุ่มโสดนักผจญภัยชาวอังกฤษซึ่งชอบท่องเที่ยวในทวีปแอฟริกา ออกเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนสนิท โดยอาศัยไปกับกองคาราวานของพ่อค้าคนหนึ่ง กองคาราวานถูกกลุ่มโจรเอนนิตราปล้น เขาถูกจับมัดและลงโทษด้วยวิธีต่าง ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนนอกศาสนา คืนวันหนึ่งหญิงคลุมหน้าสวมสร้อยข้อมือมรกตและทับทิมมาช่วยตัดเชือกที่มัดเขาออก เธอเตรียมม้าและเสบียงอาหารให้เขาและบอกให้หนีไปทางทิศที่มีกองทหารสปาฮิสตั้งอยู่ เธอขอร้องให้เขายกโทษให้โจรและบอกว่าเธอชื่อโซไรดา โซไรดาไม่ยอมให้เขาเห็นหน้าเธอแต่ได้ให้แหวนไว้เป็นที่ระลึก ภายหลังฮอลโกมพบกระดาษในย่ามเสบียงอาหาร โซไรดาเขียนเกี่ยวกับความหวังของเธอว่า “บางทีต่อไปภายภาคหน้าท่านอาจจะช่วยสตรีที่ไร้ความสุขให้รอดพ้นความทุกข์อันเป็นมหาวิบากของหล่อนซึ่งทนทรมานอยู่ในกาลบัดนี้ได้”
ฮอลโกมเดินทางไปถึงที่ตั้งกองทหารสปาฮิสซึ่งเป็นทหารอาหรับของฝรั่งเศสในแอฟริกา เขาได้พบทหารชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งซึ่งถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร แต่แท้ที่จริงฆาตกรคือดีลาเงนแตร์ สามีของหญิงที่เขารัก ขณะเดินทางต่อไปเขาถูกกลุ่มโจนเอนนิตราปล้น ทหารฝรั่งเศสได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ระหว่างเดินทางต่อไปยังเมืองแอลจีเรีย เขาพบหญิงสูงอายุคนหนึ่ง นางพาเขาไปพบโซไรดาที่บ้านหลังหนึ่ง ครั้งนี้โซไรดายอมเปิดผ้าคลุมหน้า เขาจึงได้ว่าเธองามยิ่งนัก โซไรดาได้ขอแหวนฮอลโกมเป็นที่ระลึกและขอให้เขาช่วยเธอให้พ้นอันตรายจากการที่เธอรู้ความลับอย่างหนึ่งแล้วถูกสาปไม่ให้มีชีวิตอยู่ โซไรดาพาเขาไปยังสถานที่ลึกลับ ซึ่งมีลักษณะเป็นอุโมงค์ เธอทำพิธีแปลกประหลาดต่างๆ เช่น การปลุกวิญญาณศพผู้วิเศษเป็นต้น เมื่อเสร็จพิธีโซไรดาได้แผ่นเหล็กรูปวงเดือน “รัศมีแสงจันทร์”มา เธอขอให้เขานำแผ่นรัศมีแสงจันทร์และจดหมายของเธอไปให้สมภารของสุเหร่าใหญ่ในเมืองอากาเดส
ขณะที่ฮอลโกมเดินทางต่อไปกับกองคาราวานของพ่อค้ากลุ่มหนึ่ง กองคาราวานถูกโจรปล้น แผ่นเหล็กรัศมีแสงจันทร์ถูกชิงไป โจรพาฮอลโกมไปขายเป็นข้าของสุลต่านเมืองอากาเดส ต่อมาในวังเกิดเหตุจลาจล มีคนช่วยเขาออกจากวัง เขาจึงเดินทางต่อ ระหว่างทางเขาถูกทำร้ายจนหมดสติไป หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรของโจรเอนนิตราช่วยเหลือเขา ฮอลโกมเดินทางต่อไปกับบุตรีของโจร ระหว่างทางพบกลุ่มโจรเอนนิตราซึ่งกำลังเดินทางไปปล้นสะดมที่เมืองอากาเดส ทั้งหมดเดินทางไปด้วยกันจนถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง เขาได้พบหัวหน้าโจร หัวหน้าโจรประกาศว่าเขาจะต้องตายเพราะมีความลับสำคัญและแผ่นรัศมีแสงจันทร์ โซไรดาปรากฏตัวและได้ช่วยชีวิตฮอลโกมไว้
ต่อมากลุ่มโจรเอนนิตราเข้าโจมตีเมืองอากาเดสและได้ชัยชนะโดยมีโซไรดาเป็นบัญชาการอย่างชำนาญการศึก เธอสั่งไม่ให้ทำลายสุเหร่าใหญ่และขอให้ฮอลโกมไปพบสมภารเพื่อมอบแผ่นเหล็กและจดหมาย สมภารพาเขาไปที่บ้านหลังหนึ่งมุ่งไปที่ “ห้องมหาพิศวง” ฮอลโกมสังเกตว่าสภาพห้องเหมือนห้องที่โซไรดาทำพิธีแปลกประหลาด สมภารเดินไปที่โลงซึ่งมีศพลักษณะเหมือนที่เขาเคยเห็นเมื่อโซไรดาทำพิธี คนในโลงเงื้อมีดแทงที่อกสมภาร ก่อนตายสมภารบอกทางที่จะไปสถานที่แห่งหนึ่งและบอกวิธีใช้แผ่นเหล็กเพื่อจะได้เห็นสิ่งที่น่าพิศวง
ขณะเดินทางไปยังสถานที่ตามที่สมภารบอก เขาได้พบเพื่อนทหารฝรั่งเศส ฮอลโกมเล่าเรื่องแผ่นเหล็กให้เพื่อนฟัง ทั้งสองจึงเดินทางต่อไปด้วยกันจนถึงสถานที่ซึ่งเหมือนกับที่สมภารบอกไว้ ฮอลโกมเอาแผ่นเหล็กวางบนหน้าผาก เขาเห็นภาพแปลก ๆ เห็นภูเขาและปากถ้ำ ทั้งสองหาถ้ำสำเร็จและพบหีบจำนวนมาก ในหีบมีเพชรนิลจินดาจำนวนนับไม่ถ้วน เขาพบแผ่นหนังมีข้อความระบุว่าเจ้าของทรัพย์สมบัติคือสุลต่านองค์หนึ่ง และบอกวิธีช่วยคนรักให้พ้นจากอันตราย ฮอลโกมแบ่งสมบัติให้เพื่อนและปิดปากถ้ำไว้อย่างดี
ฮอลโกมและเพื่อนเดินทางต่อไปยังเมืองอากาเดส ได้รู้ข่าวว่าทหารเข้าโจมตีเมือง หัวหน้าโจรและโซไรดาถูกจับ โทษของโซไรดาคือประหารชีวิต ฮอลโกมคิดว่าจะต้องช่วยโซไรดาให้ได้ จึงเดินทางไปแอลจีเรีย เขาได้พบดีลาเงนแตร์ซึ่งขณะนี้เป็นผู้ว่าราชการเมืองและได้รู้ว่าอีก 2 วันจะมีการตัดสินโทษ ฮอลโกมจึงขู่ดีลาเงนแตร์ว่าต้องให้โซไรดาไปจากเมืองก่อนเช้ามืดมิฉะนั้นดีลาเงนแตร์จะไม่ได้เป็นผู้ว่าราชการต่อไป เพราะฮอลโกมมีหลักฐานว่าเขาเป็นฆาตกร ดีลาเงนแตร์ยอมส่งโซไรดาไปทางเรือ ฮอลโกมจึงได้พบโซไรดาบนเรือในคืนวันนั้น เขาได้รู้ประวัติของเธอว่าถูกโจรเอนนิตราปล้นและหัวหน้าโจรเลี้ยงดูเธอเหมือนบุตรบุญธรรม เพราะเธอมีวิชาของตระกูลซึ่งจะช่วยเหลือโจรได้