กรมการเมืองพระประแดงแจ้งแก่เจ้าพระยายมราชว่า ครั้งที่พระเจ้าละแวกยกทัพมากวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลยนั้น ได้นำเทวรูปทองสำริด 2 องค์ คือท้าวแสนตาและบาทสังฆังกรไป ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายและผู้คนอพยพออกจากเมืองไปเป็นจำนวนมาก จึงขอให้กรุงศรีอยุธยาช่วยนำเทวรูปทั้งสองกลับคืนมา
กรุงศรีอยุธยาส่งหลวงพิไชยบุรินทรา นายธงเรือพระที่นั่งชลอวิมานไชยสุพรรณหงษ์ไปดำเนินการ หลวงพิไชยฯ ปลอมเป็นคนเขมรออกเดินทางไป เมื่อถึงประตูเมืองเขมรมีชายผู้หนึ่งทำสัญญาณลับให้หลวงพิไชยฯ ตามไป หลวงพิไชยฯ ไปถึงอุทยานพระราชวัง “วสุธรา” (วังโลกบาลประจำทิศเหนือ) ก็เดินเข้าไปในวัง พบชายผู้ทำสัญญาณนั้นแต่งกายด้วยเครื่องยศของราชวงศ์ชั้นสูงของเขมร จึงรู้ว่าเป็นกมรเต็งอัล พระเจ้าศรีพรรมาธิราช พระมหาอุปราชแห่งพระราชธานีศรียะโสธร อนุชาของพระเจ้าละแวก เมื่อพระมหาอุปราชสอบถาม หลวงพิไชยฯ อ้างว่ามาเที่ยวชมเมืองเขมร แต่พระมหาอุปราชไม่เชื่อ จึงขอตรวจค้นร่างกาย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ ก็อนุญาตให้หลวงพิไชยฯ พักอยู่ในวังได้ แต่สั่งให้นักจราลถุพงนายทหารคนสนิทคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา
คืนหนึ่งหลวงพิไชยฯ เห็นนางปะโดมกาญจน์แม่หยั่วเมืองของพระมหาอุปราชอุ้มทารกลอบมาพบนักจราลถุพงที่อุทยาน ทั้งสองสวมกอดแสดงความรักแก่กันอยู่เป็นเวลานาน เมื่อนางจากไป หลวงพิไชยฯ จึงเข้าไปตำหนินักจราลถุพงว่าเป็นคนทรยศอกตัญญูต่อพระมหาอุปราช แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กัน สุดท้ายนักจราลถุพงเป็นฝ่ายแพ้ จะฆ่าตัวตาย แต่หลวงพิไชยฯ ห้ามไว้ทัน นักจราลถุพงเล่าว่าตนเป็นลูกไทยที่ถูกกวาดต้อนมา มารดาเสียชีวิตแล้ว ส่วนบิดาไม่รู้ว่าเป็นใคร ทั้งยังเล่าว่าได้ลอบมีความสัมพันธ์กับนางปะโดมกาญจน์จนนางตั้งครรภ์ก่อนที่นางจะถูกบังคับให้เป็นแม่หยั่วเมือง หลวงพิไชยฯ ได้ฟังก็ให้สัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ใคร แล้วบอกว่าบิดาของนักจราลถุพงนั้นคือพันจันทนุมาศซึ่งถูกกวาดต้อนมาพร้อมบุตรีอีกคนหนึ่ง ขณะนี้ทำหน้าที่เป็นตะพุ่นหญ้าช้างอยู่
คืนนั้นพระมหาอุปราชโปรดให้จัดหอนมัสการเพื่อแต่งตั้งแม่หยั่วเมืองอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือนางสุรภีธิดาของพันจันทนุมาศ เมื่อถึงเวลาพิธีนักจราลถุพงเข้าขัดขวาง พระมหาอุปราชจะต่อสู้กับนักจราลถุพง แต่แม่หยั่วเมืองเข้ามาห้ามไว้แล้วบอกว่านักจราลถุพงเป็นสามีของตน นางก็ฉวยมีดที่ซ่อนไว้เข้าแทงพระมหาอุปราชแต่เสียทีถูกผลักล้มลง มีดในมือปักอกตนเองเสียชีวิต จากนั้นนักจราลถุพงก็เข้าต่อสู้กับพระมหาอุปราช แต่แล้วเมื่อได้สติก็ขอลุแก่โทษ พระมหาอุปราชใช้โอกาสนั้นฟาดพระแสงไปที่หลังนักจราลถุพงนับครั้งไม่ถ้วน หลวงพิไชยฯ ซึ่งแอบดูเหตุการณ์อยู่ออกไปต่อสู้พระมหาอุปราช แม้ว่าจะได้โอกาสหลายครั้งแต่หลวงพิไชยฯ ก็ไม่สังหาร เพียงแต่ตัดขมวดพระเกศาและตาบทิศ แล้วขอสัญญาพระมหาอุปราช 3 ข้อเพื่อแลกกับการไว้ชีวิต คือ 1) ขอกลับไปโดยปลอดภัย 2) ขอนำเชลยไทยทั้งหมดที่มีพันจันทนุมาศเป็นหัวหน้ากลับไป รวมทั้งลูกของนักจราลถุพงด้วย และ 3) ขอเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งสององค์คืน แต่พระมหาอุปราชปฏิเสธคำขอข้อที่ 3 หลวงพิไชยฯ จึงขู่ว่าหากไม่ได้เทวรูปกลับไปจะต้องนำศีรษะของพระมหาอุปราชไปแทน พระมหาอุปราชจึงยอมทำตามข้อสัญญาทั้งหมด