นายยมพา “ข้าพเจ้า” ไปพบขุนอบายภูมิพิทักษ์ผู้บัญชาการอบายภูมิ “ข้าพเจ้า” ได้ชมที่ว่าการ ได้เห็นห้องเก็บทะเบียนนักโทษ และได้รู้จากนายยมว่าคนตายส่วนมากต้องมาอยู่ที่อบายภูมิ จึงมีสมุดทะเบียนนักโทษอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้นท่านขุนพาไปดูแผนกตรวจเรื่องราว ให้ดูคำร้องขอลดหย่อนโทษ และเล่าเรื่องที่วิญญาณรายหนึ่งยื่นคำร้องอ้างว่าได้บริจาคเงินทำบุญจำนวนมาก แต่พระยายมราชแทงเรื่องกลับมาว่า เป็นการทำบุญเอาหน้าจึงไม่มีสิทธิ์ได้รับลดหย่อน
ต่อมานายยมพาไปดู “แพนกโมเตอร์คาร์” ซึ่งมีถนนกว้างขวางล้อมรอบสนามรูปไข่ วิญญาณที่นี่เป็นผู้ทำผิดเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนทั้งสิ้น เช่น ผู้ที่แกล้งเดินไม่หลีกรถ เมื่อตายแล้วจึงต้องวิ่งหนีรถจนกระทั่งถูกรถทับ ผู้ที่ขวางรถม้าก็ต้องถูกลงโทษในลักษณะเดียวกัน ฝ่ายคนขับรถที่วางโตจะถูกจับผูกกับรถ เอาแส้เฆี่ยนให้วิ่งรอบสนาม ผู้ขี่จักรยานที่ชอบบีบแตรสั่นกระดิ่งให้เป็นที่รำคาญจะถูกมัด มีผีพนักงานบีบแตรและสั่นกระดิ่งที่ข้างหู
ส่วนคนขับรถรางที่ชอบทำให้คนเดินเท้าตกใจเล่นจะต้องวิ่งหนีรถรางจนเหนื่อยหอบ คนขับที่แกล้งหยุดให้ผู้โดยสารชนกันจะต้องนั่งรถรางที่มีพนักที่พิงเป็นเหล็กแหลม แล้วหยุดรถกะทันหันให้นักโทษนั้นกระแทกเข้ากับเหล็กแหลมจนเลือดโซมกาย คนขับรถรางที่พูดจาหยาบโลนระคายหูจะถูกตบด้วยรองเท้าหรือกะลา ส่วนพวกที่โกงอัฐไม่ยอมทอนเงินผู้โดยสารจะถูกผูกคอด้วยถุงอัฐจำนวนเท่าที่โกงมา ให้เดินไปรอบสนามราว 300 เส้น ครบสามรอบทุกวัน หากไม่เดินก็จะถูกเหล็กแดงจี้