นิทานในนิยายเบงคลีมี 23 เรื่อง แบ่งตามเนื้อเรื่องได้ 5 กลุ่ม ได้แก่ การใช้ปัญญาเอาชนะผู้อื่น ผลของความโง่เขลา เรื่องเล่าเกี่ยวกับวิกรมาทิตย์ ความเชื่อ และนิทานสัตว์
1) การใช้ปัญญาเอาชนะผู้อื่น ได้แก่ เรื่องกลต่อกล ปราชญ์เถื่อน มีความรู้หรือมีเชาวน์ดี บรมแกว่น ต้องขโมยสามต่อ อาหารนางฑากินี กังคลา และสองเจ้าสาว
ตัวอย่างเรื่องกลต่อกลมีเรื่องย่อดังนี้
พราหมณ์กับกายัสถ์ (ผู้อยู่ในสกุลเสมียน) ออกหาหญิงเป็นภรรยา พราหมณ์พึงใจหญิงงามคนหนึ่ง กายัสถ์จึงวางแผนลวงพ่อแม่ของนางจนเชื่อว่าพราหมณ์เป็นลูกเขยที่ทิ้งร้างไปนาน แต่หญิงนั้นรู้ว่าพราหมณ์ไม่ใช่สามีตน เมื่อถูกบังคับไปบ้านพราหมณ์ เธอแสร้งปรนนิบัติแม่พราหมณ์อย่างดีแล้วฉวยโอกาสตอนที่พราหมณ์ไม่อยู่เผาบ้านคลอกแม่พราหมณ์ตาย พราหมณ์รู้เรื่องก็ตามไปที่บ้านหญิงนั้น เธอจึงวางยาฆ่าพราหมณ์ ขณะเอาศพไปทิ้งในป่าช้าเธอพบโจรชุมนุมกันอยู่จึงลวงว่าตนเป็นพระแม่กาลีเอาห่อทรัพย์มาให้ เมื่อหัวหน้าโจรเปิดดูรู้ว่าเป็นศพก็ไล่ล่านางไปจนถึงบ้าน ขณะนั้นเธอหลับอยู่จึงถูกแบกไปทั้งเตียง ครั้นผ่านต้นไม้ใหญ่ เธอตื่นขึ้นฉวยกิ่งไม้ได้แล้วซ่อนตัวอยู่ในโพรงไม้นั้น หัวหน้าโจรรู้ว่าเธอหายไปก็สั่งให้สมุนไปค้นที่ต้นไม้แต่ไม่พบ โจรคนสุดท้ายพบเธอ เธอก็ลวงตัดลิ้นโจรได้ โจรพลัดตกต้นไม้ไป เพื่อนโจรเข้าใจว่าต้นไม้นั้นมีผีสิงจึงพากันแตกตื่นหนีไป
2) ผลของความโง่เขลา ได้แก่ เรื่องตากาไห๎นพนักงานสวน บรมเซอะ หูหนวกทั้งสี่ นิ่งได้ก็ชนะ และควายสองขา
ตัวอย่างเรื่องตากาไห๎นพนักงานสวนมีเรื่องย่อดังนี้
กาไห๎นเป็นคนเฝ้าสวน คืนหนึ่งเห็นช้างไอราพตมากินผลไม้ในสวนจึงเกาะหางช้างขึ้นสวรรค์ไปเที่ยวซื้อของกิน เมื่อกลับมาเขาเล่าให้ภรรยาให้ฟัง กำชับไม่ให้บอกใคร แต่ภรรยาอดไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังจนรู้ไปทั่ว ทุกคนขอตามกาไห๎นไปสวรรค์ด้วย กาไห๎นเกาะหางช้างแล้วให้แต่ละคนเกาะต่อๆ กันไป ระหว่างเหาะอยู่มีคนถามถึงขนาดของขนมบนสวรรค์ว่าใหญ่แค่ไหน กาไห๎นจึงปล่อยมือจากหางช้างเพื่อทำท่าให้ดู ทุกคนก็ตกลงมาหมด
3) เรื่องเล่าเกี่ยวกับวิกรมาทิตย์ ได้แก่ เรื่องท้าววิกรมาทิตย์ตอนเลือกคู่ สองเจ้าบ่าว และโอรสพระราชากับบุตรทัณฑนายก
ตัวอย่างเรื่องท้าววิกรมาทิตย์ตอนเลือกคู่มีเรื่องย่อดังนี้
ท้าววิกรมาทิตย์ใส่รูปแปลงเป็นชายบ้าผู้พิการไปนอนขวางทางเข้าเทวาลัย พระธิดาขอร้องให้หลีกทาง เขายอมหลีกให้โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเลือกเขาเป็นคู่ครอง ถึงวันเลือกคู่พระธิดาเสี่ยงพวงมาลัยให้ พระบิดากริ้วจึงขับไล่ไปอยู่กระท่อมนอกวัง ต่อมามีกิจกรรมขี่ม้าล่าเนื้อ ชายบ้าสั่งให้ภูตต้อนเนื้อมารวมกัน พระโอรสและเหล่าราชบุตรเขยหาเนื้อไม่ได้ จำต้องมาขอเนื้อโดยแลกกับการถูกนาบหลังด้วยฝักมะระกู่ร้อนๆ ต่อมาพระธิดารู้ความจริงจึงเอารูปแปลงเผาไฟ แล้วไปทูลพระบิดามารดา พระราชาจึงขออภัยโทษท้าววิกรมาทิตย์
4) ความเชื่อ ได้แก่ เรื่องพราหมณ์กินพรหม กาไห๎น หลานพราหมณ์เฒ่า กรรมสูตร เทพธิดาอิตุ ธิดาของทัณฑนายก และพราหมณ์กับกายัสถ์
ตัวอย่างเรื่องพราหมณ์กับกายัสถ์มีเรื่องย่อดังนี้
พราหมณ์เป็นคนใจบุญ ส่วนกายัสถ์เป็นคนใจบาป กายัสถ์มักเยาะเย้ยพราหมณ์เสมอว่าทำดีแต่ไม่เคยได้ดี ส่วนตนมีกินมีใช้ วันหนึ่งพราหมณ์ไปอาบน้ำถูกหลาวตำ กายัสถ์มาเห็นก็เยาะเย้ย แล้วบอกว่าวันนี้ตนโชคดีที่พบถุงเงิน ขณะนั้นโหรผ่านมาจึงทำนายให้ว่าชาติก่อนพราหมณ์ทำบาปไว้มาก วันนี้ต้องถูกเสียบตาย แต่เพราะชาตินี้ทำบุญไว้มากจึงเพียงแต่ถูกหลาวตำ ส่วนกายัสถ์ชาติก่อนทำบุญไว้มาก ควรได้เป็นพระราชาในชาตินี้ แต่ชาตินี้กลับทำชั่ว วันนี้จึงได้เพียงถุงเงินเท่านั้น
5) นิทานสัตว์ ได้แก่ เรื่องแพะ เสือ ลิง เรื่องย่อมีดังนี้
แพะผัวเมียหนีคนเลี้ยงไปอยู่ที่โพรงไม้ในป่าจนมีลูกด้วยกัน วันหนึ่งเสือได้ยินเสียงลูกแพะก็เดินเข้าไปใกล้ พ่อแพะทำเป็นดุลูกว่าไม่รู้จักอิ่มทั้งที่กินเสือ หมี แรด ควาย ไปมากแล้ว เสือได้ยินก็ตกใจวิ่งหนีไป ลิงบอกเสือว่าถูกหลอก เมื่อจะพาไปดูให้รู้เสือก็กลัวมาก ลิงจึงแนะให้เอาหางเสือผูกไว้กับหางตน ครั้นเข้าไปใกล้โพรงไม้ แพะแกล้งตะโกนด่าลิงว่าลวงเสือมาได้เพียงตัวเดียว เสือเข้าใจว่าตนถูกหลอกมาเป็นอาหารก็วิ่งหนีจนหางขาด ส่วนลิงต้องหลบไปอยู่ในดงทึบเพราะถูกสัตว์ป่าทั้งหลายหัวเราะเยาะที่มี 2 หาง
เสฐียรโกเศศ. ฟื้นความหลัง. เล่ม 4. กรุงเทพฯ: ศึกษิตสยาม, 2513.
เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป. นิยายเบงคลี. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ศยาม, 2552.