ชายผู้หนึ่งได้สร้างห้างไม้ไผ่ขึ้นกลางไร่เพื่อเฝ้าแตง แต่ขึ้นไปบนห้างเมื่อใดเป็นต้องวิกลจริต กล่าวคำสบประมาทท้าวโภชผู้ครองกรุงอุชชยินี ครั้นลงจากห้างก็เป็นปกติ เมื่อทราบถึงพระกรรณทรงสงสัยว่าในดินใต้ห้างคงจะมีอะไรอยู่ จึงโปรดให้ขุดจนพบบัลลังก์วิเศษประดับแก้วเนาวรัตน์และมีรูปรัตนนารีสามสิบสองรูปประดับรอบบัลลังก์
ท้าวโภชให้เชิญบัลลังก์ไปพระราชสถาน ชำระล้างและซ่อมแซมให้ดีดั่งเดิม แล้วประกอบพิธีฉลองตามราชประเพณี แต่เมื่อใดยกพระบาทจะขึ้นประทับบนบัลลังก์ รูปรัตนนารีทั้งสามสิบสองก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยให้ท้าวโภชเกิดความอาย และกล่าวว่าท้าวโภชยังไม่คู่ควรจะขึ้นประทับบัลลังก์นั้น เว้นไว้แต่จะทรงคุณธรรมมีพระเดชานุภาพเสมอด้วยท้าววิกรมาทิตย์ผู้เป็นเจ้าของเดิม แล้วรูปเหล่านั้นก็เล่าพระประวัติของท้าววิกรมาทิตย์ สรรเสริญพระเกียรติยศอันประเสริฐวันละหนึ่งเรื่องเป็นเวลา 32 วัน
ท้าววิกรมาทิตย์เป็นโอรสของท้าวศยัมสยมพร ได้ครองกรุงอุชชยินีสืบต่อจากพระเชษฐา พระองค์ได้รับบัลลังก์วิเศษจากพระอินทร์ เมื่อสิ้นพระชนม์บัลลังก์นี้ก็ทรุดโทรม บรรดารัตนนารีผู้เป็นเทพารักษ์ก็กลายเป็นรูปปราศจากวิญญาณ
พระเกียรติคุณของท้าววิกรมาทิตย์ที่รูปรัตนนารีเล่าถวายท้าวโภช ได้แก่ ทรงโอบอ้อมอารี เปิดท้องพระคลังประทานแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทรงเป็นจอมแห่งกษัตริย์ทั้งหลาย มีพระวินิจฉัยคดีพิพากษาได้เที่ยงธรรม ทรงคุณธรรมหาใครเสมอเหมือนมิได้ ไม่มีความละโมบ เป็นเอกในบุญญาธิการสมภารบารมี มีพระราชอัธยาศัยไมตรี มีพระปัญญาเดชาภินิหารเป็นมหาสมุทรแห่งวิชาและความบริสุทธิ์ มีน้ำพระทัยกว้างขวางหนักแน่น ประชาชนทุกชาติทุกภาษาบูชานับถือพระองค์ ทรงรอบรู้รัฐประศาสโนบาย ทรงมีความทรงจำและความเห็นไกล ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา มีกิริยาวาจาอ่อนหวาน ทรงเป็นอัจฉริยบุคคล ทรงเป็นปราชญ์ประเสริฐและยังเป็นขัตติยะผู้เยี่ยมยอด
เมื่อท้าวโภชได้สดับเรื่องสุดท้ายจบ ก็ละความโกรธ เกิดความละอายและสำนึกพระองค์ว่าไม่มีคุณสมบัติเสมอท้าววิกรมาทิตย์ จึงทรงยอมปฏิบัติตามคำของรัตนนารีรูปสุดท้าย ที่ห้ามพระองค์ขึ้นประทับบนบัลลังก์