นายเรือเอกลอเล็สส์ผู้บังคับการเรือพิฆาตหลวงขนาดเล็กของอังกฤษชื่อแน็ต เป็นตัวละครที่ดำเนินเรื่องในเรื่อง ประพฤติการแห่งนายเรือเอกลอเล็สส์ แบ่งเป็นเรื่องสั้น 10 เรื่อง
เรื่องที่ 1 เหตุการณ์ในทะเลเหนือ (A North Sea ‘Incident’)
เรือพิฆาตหลวงขนาดเล็กของอังกฤษชื่อแน็ต มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้มีผู้แปลกปลอมเข้าไปทำร้ายชาวบ้านในหมู่บ้านชาวประมง วันหนึ่งนายเรือเอกลอเล็สส์ผู้บังคับการได้รับคำสั่งให้ไปสมทบกับกองเรือพิฆาตที่ 3 ระหว่างทางเห็นเรือใหญ่ลำหนึ่งพรางไฟ จึงนำเรือค่อย ๆ เข้าไปพ่วงกับเรือลำนั้นจนรู้ว่าเป็นเรือฝ่ายเยอรมัน ผู้บังคับการเรือเยอรมันเกรงว่าลอเล็สส์จะยิงตอร์ปิโดใส่ จึงมอบหนังสือประจำเรือและแผนที่ที่ใช้เดินเรืออยู่ให้ แต่ขู่ว่าลอเล็สส์จะต้องได้รับโทษจากความผิดนี้ ต่อมาลอเล็สส์ได้รับคำสั่งให้ไปขึ้นศาลทหาร เขาคิดว่าคงจะถูกไล่ออกจากราชการ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อรู้ว่าข้อหาของอัยการมีอยู่เพียงว่าจำเลยขัดคำสั่งโดยไม่ไปสมทบกับกองเรือพิฆาตที่ 3
เรื่องที่ 2 เรืออวนทะเล (The Trawler)
ค่ำวันหนึ่ง ขณะที่เรือพิฆาตหลวงแน็ตกำลังแล่นตรวจตราตามชายทะเลตะวันออก นายเรือเอกลอเล็สส์ตรวจพบเรือลำหนึ่งปิดไฟมืดอยู่ เมื่อสั่งให้เรือพิฆาตเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นว่าเป็นเรือกลไฟซึ่งชักธงวิลันดา น่าสงสัยว่าจะเป็นเรือที่ลักลอบขายสุราและยาสูบจึงยิงปืนขู่ ทหารกลับมารายงานว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในเรือ มีแต่เครื่องอวนทะเลจำนวนมาก ลอเล็สส์รู้ว่าตนทำงานผิดพลาดไปเสียแล้ว ต่อมาเขาได้รับคำสั่งให้ไปขึ้นศาลทหารเพราะไปดักทำร้ายเรืออวนทะเล ได้หมิ่นประมาทธงของชาติที่มีพระราชไมตรี มีโทษถึงไล่ออกจากราชการ แต่เขาเคยมีความชอบมาก่อน ศาลจึงให้ปล่อยตัวไป
เรื่องที่ 3 ความลึกลับแห่งประภาคาร (The Lighthouse Mystery)
นายเรือเอกลอเล็สส์ได้รับคำสั่งให้นำเรือพิฆาตแน็ตไปประจำการอยู่บริเวณเกาะแห่งหนึ่ง ในเวลานั้นกองทัพเรืออังกฤษกำลังซ้อมประลองยุทธ์กันอยู่ โดยแบ่งออกเป็นฝ่ายแดงกับฝ่ายน้ำเงิน ลอเล็สส์ได้ข่าวว่ากองเรือรบฝ่ายน้ำเงินอาจจะผ่านเข้ามาถึงน่านน้ำที่เขารับผิดชอบ เขาจึงคิดจะเดินทางล่วงหน้าไปยังเกาะในทะเลเหนือเพื่อตรวจตรา เมื่อพบว่าไฟประภาคารบนเกาะนั้นดับสนิท เขาก็ขึ้นไปบนประภาคารและพบศพคนเฝ้าประภาคาร ชายคนหนึ่งก็โผนเข้าใส่และบีบคอเขา ทั้งสองต่อสู้กันอยู่นาน ในที่สุดชายคนนั้นก็พลัดตกจากเฉลียงลงไปพลางร้องเสียงดังเป็นสำเนียงเยอรมัน เขาจึงรู้ว่าชายเยอรมันผู้นั้นรู้ว่ากองทัพน้ำเงินของอังกฤษจะผ่านเส้นทางนั้นจึงกรรเชียงเรือเข้าไปฆ่าเจ้าหน้าที่และทำลายตะเกียงที่ประภาคารเสีย ถ้ากองทัพน้ำเงินถูกทำลายก็หมายความว่าราชนาวีอังกฤษถูกทำลายไปเกือบเศษ 1 ส่วน 3 เมื่อนายเรือเอกลอเล็สส์รายงานเหตุการณ์ต่อแม่ทัพและกระทรวงทหารเรือ เขาก็ได้รับคำสั่งให้เลื่อนยศในเวลาต่อมา
เรื่องที่ 4 ความคิดร้ายของพวกมหาประลัย (A Nihilist Plot)
นายเรือเอกลอเล็สส์ได้รับคำสั่งให้นำเรือแน็ตออกลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยของเรือพระที่นั่ง พระเจ้าแผ่นดินแห่งรัสเซีย โดยให้ตรวจตราดูเรือที่น่าสงสัย เพราะมีข่าวว่าพวกมหาประลัย (พวกก่อการร้ายและการจลาจล “ไนหิลิสต์” (Nihilist) ในประเทศรัสเซีย) มีเรือลำหนึ่ง และอาจพยายามยิงตอร์ปิโดทำลายเรือพระที่นั่ง ระหว่างปฏิบัติการมีเรือยอชต์แล่นมาลำหนึ่ง ในเรือปิดไฟมืด พยายามแล่นให้ทันขบวนเรือข้างหน้า ลอเล็สส์สั่งให้เรือลำนั้นหยุดเพื่อขอตรวจหนังสือประจำเรือ ผู้บังคับการเรือยอชต์บอกว่าเป็นเรือพระที่นั่งพระเจ้าแผ่นดินรัสเซีย แต่ลอเล็สส์ไม่เชื่อ เขาปีนข้ามไปยังเรือยอชต์และเกิดการต่อสู้กัน ชายผู้หนึ่งบนเรือลำนั้นบอกให้ฝ่ายทหารรัสเซียวางอาวุธ แล้วยอมให้จับเป็นเชลย ทหารบนเรือแน็ตจึงเก็บอาวุธบนเรือยอชต์ทั้งหมด แล้วควบคุมให้แล่นตามไป รุ่งขึ้นเมื่อลอเล็สส์เข้าชี้แจงเกี่ยวกับปฏิบัติการจึงรู้ว่าตนทำงานผิดพลาด พระราชาแห่งรัสเซียไม่ได้ประทับเรือพระที่นั่ง แต่ประทับมาในเรือยอชต์เพื่อลวงพวกมหาประลัย พระราชาแห่งรัสเซียทรงยกโทษให้เพราะทรงทราบว่าเขาตั้งใจดี แต่กระทรวงทหารเรือจำเป็นต้องลงโทษจึงงดการเลื่อนยศให้ลอเล็สส์
เรื่องที่ 5 สมุทรโจร (The Filibuster)
เรือพิฆาตจะต้องออกเดินทางเข้าร่วมซ้อมรบโจมตีจิบราลตาร์พร้อมกับเรือลำอื่น ๆ นายเรือเอกลอเล็สส์คิดอุบายโจมตีจิบราลตาร์ โดยแปลงเรือแน็ตเป็นเรือกลไฟบรรทุกสินค้าเบ็ดเตล็ดเพื่อจะได้ค่อย ๆ แล่นผ่านเข้าไปในช่องแคบจิบราลตาร์ได้โดยไม่มีผู้ใดขัดขวาง ระหว่างทางพบเรือลาดตระเวนต่างชาติลำหนึ่งซึ่งสั่งให้เรือสินค้าหยุด แล้วคนในเรือต่างชาติก็ขึ้นมาบนเรือ บอกว่าเรือลาดตระเวนนั้นคือเรือโปรตุเกสชื่อสานโดมิงโก ลอเล็สส์แน่ใจว่าเป็นเรือโจรสลัด เพราะคำว่าสานเป็นภาษาสเปนไม่ใช่โปรตุเกส จึงหลอกให้พวกนั้นลงไปใต้ท้องเรือแล้วปิดขังไว้ จากนั้นพลทหารเรือ 12 คนก็สวมเสื้อของพวกนั้นพร้อมอาวุธครบมือ ลงเรือเล็กไปยังเรือลาดตระเวนโจรสลัด เมื่อเกิดสู้รบกันพวกโจรสลัดสู้ไม่ได้จึงต้องยอมแพ้ รุ่งขึ้นนายเรือเอกลอเล็สส์ไปรายงานเรื่องการจับโจรสลัด เขาได้รับคำชมเชยและได้เลื่อนยศ และผู้แทนรัฐบาลโปรตุเกสก็ได้มอบนาฬิกาพกเรือนทองฝังเพชรให้เป็นรางวัล
เรื่องที่ 6 แยบยลกลศึก (The Great Bluff)
ลอเล็สส์ยืนอยู่บนสะพานเรือแน็ตเห็นเรือกำปั่นบรรทุกสินค้าโคลงไปมาเหมือนไม่มีคนถือท้าย เมื่อร้องถามไป มีคนตอบมาเป็นภาษาอังกฤษว่าเครื่องจักรเรือเสียและกำลังจะจม ลอเล็สส์รู้ว่าเป็นเรือเยอรมันแต่ก็ต้องส่งเรือไปช่วย เมื่อสอบสวนกลาสีได้ความว่าเป็นเรือขนถ่านหินของรัฐบาลเยอรมัน ลอเล็สส์ตั้งใจจะกลับไปจมเรืออับปางนั้นเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายแก่เรืออื่นๆ ก็เห็นเรือลาดตระเวนเยอรมันจึงไล่ตาม และเตรียมยิงตอร์ปิโดเข้าใส่ แต่ถูกเรือลาดตระเวนและเรือพิฆาตเยอรมัน 2 ลำ ซึ่งมาคอยรับและป้องกันเรือลาดตระเวนยิงรอบด้าน เรือแน็ตหลบได้อย่างหวุดหวิด ต่อมามีเสียงระเบิดดังสนั่นบริเวณที่เรืออับปาง เรือแน็ตช่วยคนที่เกาะเศษวัสดุลอยคออยู่ขึ้นมาสอบถามจึงรู้ว่าเรือพิฆาตนิตซ์ชนเข้ากับเรือที่อับปาง
ลอเล็สส์สั่งให้ทหารไล่ตามเรือลาดตระเวนลำเดิมซึ่งรู้มาว่าชื่อเรือลานสิตซ๎ และเรือนั้นก็ส่งข่าวทางวิทยุเป็นรหัสลับมายังเรือแน็ตเพราะคิดว่าเป็นเรือนิตซ์ที่แล่นกลับไป ลอเล็สส์บังคับทหารเชลยให้แปลสัญญาณลับแล้วส่งสัญญาณลับตอบไปว่าเราได้ยิงเรือแน็ตจมแล้ว จะรีบแล่นขึ้นไประวังเรือลานสิตซ๎ข้างหน้า เรือแน็ตแล่นไปถึงด้านข้างของเรือลานสิตซ๎ พร้อมที่จะยิงตอร์ปิโดใส่แต่ถูกยิงสวนมา ลอเล็สส์ถูกสะเก็ดเปลือกกระสุนที่หน้าผาก เขาตรงไปยังห้องแผนที่เพื่อสังหารทหารเชลย แต่ทหารนั้นถูกกระสุนปืนตายไปก่อนแล้ว
ลอเล็สส์บังคับให้ต้นกลชื่อแกร็ตตันซ่อมเรือแน็ตและสั่งนายเรือโทเตร็นต์ให้ช่วยคุมงาน เรือลาดตระเวนเยอรมันชื่อโมลต๎เกแล่นมา ลอเล็สส์สั่งให้ทหารยิงปืนใส่ และร้องบอกเรือโมลต๎เกให้ยอมให้จับ คนในเรือนั้นยอมแพ้เพราะเรือชำรุดมาก รุ่งขึ้นเรือลาดตระเวนเยอรมัน 3 ลำแล่นตามใกล้เข้ามา แต่แล้วกลับเปลี่ยนทิศทางหนีไป
เรือแน็ตและเรือเชลยเข้าสู่ปากน้ำฮัมเบอร์ ลอเล็สส์ได้รับคำสั่งให้ไปที่เรือโมลต๎เก นายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายอังกฤษและเยอรมันสอบถามสาเหตุที่เรือลาดตระเวนหนีไป ลอเล็สส์จึงเล่าว่าได้ให้ช่างเหล็กถ่วงด้ามไม้กวาดให้ลอยตั้งในน้ำและให้ต้นกลติดแผ่นไม้กลมที่ยอดด้ามเพื่อให้ดูคล้ายกล้องตาเรือ พวกเรือลาดตระเวนคิดว่าเป็นเรือใต้น้ำอังกฤษจึงหนีไป
เรื่องที่ 7 การยุทธลำพัง (A Roving Commission)
เรือแน็ตซึ่งซ่อมเสร็จแล้วกำลังตรวจตราในเขตที่ได้รับมอบหมาย ลอเล็สส์ได้ข่าวว่า เรือทหารบกของเยอรมัน 4 ลำจะออกมาจากทะเลบอลติค จึงสั่งให้พนักงานวิทยุส่งข่าวไปบอกเรือลำอื่น แต่ติดต่อใครไม่ได้เพราะหมอกหนามาก ลอเล็สส์รู้จึงคิดอุบายและสั่งให้ลูกเรือเตรียมถังและหีบบรรจุดินระเบิดซึ่งมีชนวนสั้นยาวต่าง ๆ กัน แล้วโยนลงทะเลให้เกิดระเบิดขึ้นติดๆ กันเพื่อให้ฝ่ายเยอรมันเข้าใจว่ามีเรือรบลำใหญ่ 2-3 ลำ ยิงปืนอยู่ ฝ่ายเรือลาดตระเวนเยอรมันมองไม่เห็นก็ยิงกันเองเพราะคิดว่าเป็นเรืออังกฤษ ส่วนลอเล็สส์พาทหารลงเรือกรรเชียงไปที่เรือของศัตรู สามารถยึดเรือและจับทหารเยอรมันได้ ลอเล็สส์สั่งเดินเรือพาเชลยไปที่ท่าเรืออังกฤษ เขาใช้เสียงหวูดเรือเยอรมันนำทางให้เรือแน็ตตามหาพบและเรียกเรือทหารบกเยอรมันซึ่งกำลังหลงทางอยู่เข้ามาหา เรือทหารเยอรมันจึงถูกเรือแน็ตยิงจนต้องยอมแพ้ วันต่อมา ลอเล็สส์ได้รับคำสั่งให้ไปค้นหาเรือลาดตระเวนชื่ออูห์ลาน
เรื่องที่ 8 ทำการอิสระ (A Roving Commission)
ลอเล็สส์แล่นเรือไปในมหาสมุทรแอ็ตแลนติคพบเรือกลไฟฝรั่งเศสชื่อวอลติเจอร๎, ตูลอง ถูกยิงยับเยินจึงให้ทหารไปสำรวจ พบชายแก่บาดเจ็บคนหนึ่ง เขาเล่าว่าเป็นชาวสเปนโดยสารมากับลูกสาวจะไปฝรั่งเศส ถูกเรือกลไฟลำหนึ่งชื่อตัมปิโค ซึ่งชักธงอเมริกันยิงเข้าใส่ ลอเล็สส์รู้ว่าเรือลำนั้นคือเรือลาดตระเวนอูห์ลานของเยอรมันจึงออกค้นหาจนพบ เรืออูห์ลานพยายามหนีพลางระดมยิง
ในเวลาค่ำลอเล็สส์กับทหารลงเรือกรรเชียงแอบไปขึ้นเรืออูห์ลาน เกิดการปะทะกัน กระทั่งมีเรือเยอรมันผ่านมาระดมยิงเข้าใส่ ลอเล็สส์สั่งให้ทหารอังกฤษไปที่แคมเรือแล้วโดดลงพร้อมกัน ขณะที่ลอเล็สส์จะโดดลงเป็นคนสุดท้าย มีหญิงซึ่งเป็นลูกชายชราชาวสเปนมาหาและขอตามไปด้วย เรือเยอรมันที่มาใหม่นั้นยังคงยิงเรือพวกเดียวกันอยู่เพราะเครื่องวิทยุในเรือถูกทำลายจึงเข้าใจว่าเรืออูห์ลานเป็นเรืออังกฤษ ในที่สุดเรืออูห์ลานก็ถูกยิงจนระเบิดจมทะเลไป
เรื่องที่ 9 ขึ้น ๆ ลง ๆ (Ups and Downs)
คืนหนึ่งเรือโทเตร็นต์รายงานว่าเห็นเรือลาดตระเวน 2 ลำ ไม่รู้สัญชาติ ลอเล็สส์จึงสั่งให้เรือพิฆาตแน็ตแล่นตามเรือลาดตระเวนไปจนแน่ใจว่าเป็นเรือเยอรมัน ขณะที่ไล่ตามนั้น เรือแน็ตตกลงไปในช่องระหว่างคลื่น ของบนดาดฟ้าถูกคลื่นกวาดลงทะเลหมด แต่ลอเล็สส์ก็ยังสั่งให้ไล่ทำลายเรือ 2 ลำนั้นให้ได้ ต่อมาข้าศึกยิงปืนใหญ่มาที่เรือแน็ต เรือแน็ตยิงตอร์ปิโดตอบโต้กลับไป ถูกเรือข้าศึกเสียหาย แต่ขณะนั้นมีคลื่นใหญ่ซัดมากวาดเอาลอเล็สส์ตกน้ำไป เขาว่ายน้ำอยู่นานจนอ่อนแรง ครั้นเห็นสายสมอของเรือลำหนึ่งเขาจึงไต่ขึ้นไปบนเรือ ได้รู้ว่าเป็นเรือลาดตระเวนเยอรมัน เนื่องจากเครื่องแต่งกายของลอเล็สส์คล้ายทหารบนเรือ เขาจึงเดินปะปนไปกับทหารเหล่านั้นและหาโอกาสลอบทำร้าย แต่ในที่สุดเขาก็ถูกจับได้
ลอเล็สส์ถูกย้ายไปลงเรือพิฆาต ขณะนอนหลับมีเสียงระเบิดดังสนั่น ลอเล็สส์เห็นช่องโหว่จึงปีนออกมาแล้วโดดลงทะเล เขาเกาะท่อนไม้ลอยอยู่นาน กระทั่งเห็นโพยมนาวา (เรือเหาะ) ลำหนึ่งใช้กว้านหย่อนทุ่นระเบิดลงทะเล มีเชือกเส้นหนึ่งแกว่งมาถูกศีรษะ เขาจับเชือกนั้นไว้แล้วปล่อยให้กว้านดึงขึ้นไปบนเรือเหาะ เมื่อพวกเยอรมันรู้ตัว ก็พยายามติดตามมาทำร้าย ลอเล็สส์จึงใช้มีดแหวะทำลายถุงไอธาตุ (แก๊ส) จนเรือเหาะแฟบลงและตกทะเล ลอเล็สส์ถูกครอบอยู่ข้างใต้ถุงแก๊ส เขาดำน้ำลงไปลึกแล้วตะกายโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ขณะนั้นมีเรือกลไฟของพ่อค้าอังกฤษผ่านมาช่วยลอเล็สส์ไว้ เขาถูกส่งไปลงเรือลาดตระเวนและถูกนายทหารสอบสวน ไม่มีใครเชื่อว่าเขาคือลอเล็สส์ เขาจึงถูกคุมตัวไปที่ห้องผู้บังคับการ ต่อมานายพลเรือคนหนึ่งจำเขาได้ เขาจึงได้รับความดีความชอบจากทางราชการ
เรื่องที่ 10 เรือประทีป (The Lightship)
เย็นวันหนึ่ง เรือแน็ตทำหน้าที่คุ้มกันเรือบรรทุกทหารคานาดาไปฝึกการยุทธที่ประเทศอังกฤษ ขณะนั้นมีหมอกหนาทึบ ทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย ต่อมามีเสียงปืนดังขึ้น เรือแน็ตได้รับคำสั่งให้คุมเรือลำเลียงทหารเอกับบีเดินทางไป เรือแน็ตถูกข้าศึกโจมตีอย่างหนัก ลอเล็สส์สั่งให้เรือลำเลียงเปลี่ยนเส้นทางเพื่อมิให้ชนหินโสโครก ต่อมาลอเล็สส์เห็นพลุสัญญาณเข้าใจว่าเรือลำเลียงเกยหิน จึงลงเรือกรรเชียงไปดู แต่กระแสน้ำแรงมากจึงต้องปล่อยเรือกรรเชียงให้ลอยคว้างอยู่ กระทั่งเรือลาดตระเวนอังกฤษผ่านมาช่วยไว้ ลอเล็สส์ถูกกล่าวหาว่าเลินเล่อทำให้เรือรบหลวงเกยหาด ศาลเบิกตัวเรือโทเตร็นต์เป็นพยาน เรือโทเตร็นต์และพยานอีกคนให้การเป็นประโยชน์แก่ลอเล็สส์ ประธานศาลจึงสั่งให้ถอนฟ้อง เมื่อลอเล็สส์ถามถึงเรือลำเลียงที่ชนหินโสโครกเพราะคำสั่งของตน ได้คำตอบว่าเรือ 2 ลำนั้นเป็นเรือรบเยอรมันที่หลงทางมาในหมอก หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลอเล็สส์ได้รับอนุญาตจากกระทรวงให้ไปรับราชการในแผนกการบินแห่งราชนาวีตามที่ขอไว้